วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ดาวพุธ(Mercury)


ดาวพุธ(Mercury)เป็นดาวเคราะห์ซึ่งอยู่ใกล้กับ ดาวอาทิตย์ มากที่สุด และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 8
ประวัติดาวพุธ
....ในเทพนิยายโรมัน เมอร์คิวรี่ เป็นเทพแห่งการค้าขาย เดินทาง และฉกฉวย เทียบได้กับเทพเฮอร์เมส...ของกรีก ผู้เป็นคนส่งสาส์นของเทพเจ้า ดาวพุธอาจถูกตั้งชื่อตามนี้เพราะว่ามันเคลื่อนที่รวดเร็ว ดาวพุธเป็นที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยสุเมเรียน (สามพันปีก่อนคริสต์กาล) มันมีชื่อเรียกสองชื่อคือ อะพอลโล่ในตอนเช้า และเฮอร์เมสในตอนเย็น นักดาราศาสตร์กรีกโบราณทราบว่ามันคือดาวดวงเดียกัน เฮรัคลิตุสเชื่อว่าทั้งดาวพุธและดาวศุกร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ มิใช่รอบโลก...ดาวพุธถูกเยี่ยมเยือนด้วยยานอวกาศเพียงลำเดียวคือ ยานมาริเนอร์ 10มันบินผ่านสามครั้งในปี พ.ศ.2516 และ 2517 และทำแผนที่ได้เพียงร้อยละ 45 ของพื้นที่ทั้งหมด (และโชคไม่ดีที่มันอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มาก จึงไม่สามารถส่องมองด้วย กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ) 
วงโคจร: 57,910,000 ก.ม. (0.38 หน่วยดาราศาสตร์).............จากดวงอาทิตย์
เส้นผ่านศูนย์กลาง: 4,880 ก.ม.
มวล: 3.30 x 1023 ก. ก.

.....วงโคจรของดาวพุธเป็นวงรีมาก; มันทีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ 46 ล้านกิโลเมตรที่ เพอริฮีเลียนและมีระยะห่างถึง 70 ล้านกิโลเมตรที่ แอปพีเลียน ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์ในอัตราที่ช้ามากที่เพอริฮีเรียน นักดาราศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 ได้ทำการสังเกตการณ์อย่างละเอียดถึงค่าพารามิเตอร์ในวงโคจร แต่กลไกตามกฏของนิวตัน ก็มิสามารถให้คำอธิบายได้เพียงพอ ข้อแตกต่างระหว่างการสังเกตการณ์และการพยากรณ์แม้มีเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นปมปัญหานานหลายทศวรรษ เป็นที่เชื่อกันว่ามีดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง (ชื่อ วัลแคน) โคจรอยู่ใกล้ ๆ และรบกวนวงโคจรของดาวพุธ ต่อมาคำตอบที่แท้จริงได้จาก ทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป ของ ไอสไตน์ ซึ่งสามารถพยากรณ์การเคลื่อนที่ของดาวพุธได้อย่างถูกต้อง.....ก่อน พ.ศ.2505 เราเชื่อกันว่า "วัน" ของดาวพุธยาวนานเท่า "ปี" และหันด้านเดียวเข้าหาดวงอาทิตย์ เช่นเดียวกับที่ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลก จนกระทั่งปี พ.ศ.2508 การสังเกตการณ์ด้วย ด๊อปเปล้อเรดาร์ ทำให้ทราบว่า ขณะที่ดาวพุธหมุนรอบตัวเอง 3 รอบ มันจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้ 2 รอบดาวพุธเป็นเทห์วัตถุเดียวในระบบสุริยะที่มีการสัดส่วน ระหว่างคาบการโคจรและหมุนรอบตัวเองในอัตรา 1:1
.....การที่วงโคจรของดาวพุธรีมาก ทำให้เกิดผลกระทบแปลก ๆ แก่ผู้สังเกตการณ์ที่อยู่บนดาว กล่าวคือ ผู้สังเกตการณ์จะมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับขนาดค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น มันเคลื่อนช้า ๆ และมาหยุดอยู่ที่จุดเหนือศีรษะ จากนั้นจะเคลื่อนถอยหลังเล็กน้อย และหยุดอีกครั้งหนึ่ง ต่อจากนั้นจึงเคลื่อนต่อไปยังขอบฟ้าด้านตรงข้าม และขนาดก็จะค่อย ๆเล็กลง ดวงดาวทั้งหลายจะเคลื่อนข้ามท้องฟ้าเร็วขึ้นสามเท่า ผู้สังเกตการณ์ที่จุดอื่นจะเห็นแตกต่างไปบ้าง แต่ก็จะเห็นการเคลื่อนที่แปลกประหลาดเช่นเดียวกัน
.....อุณหภูมิบนดาวเคราะห์มีความแตกต่างกันมาก ตั้งแต่ 90 เคลวิน จนถึง 700 เคลวิน อุณหภูมิบน ดาวศุกร์ ร้อนกว่าเล็กน้อย แต่คงที่กว่ากันมาก 
.....ดาวพุธมีลักษณะหลายอย่างคล้ายคลึงกับ ดวงจันทร์ :พื้นผิวเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตและมีอายุมาก ไม่มี การเคลื่อนตัวของเปลือกผิว แต่ดาวพุธมีความหนาแน่นมากกว่าดวงจันทร์มาก (5.43 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร แล 3.34 กรัม/ลบ.ซม.) ดาวพุธเป็นเทหวัตถุที่มี ความหนาแน่นที่สุด ของระบบสุริยะ เป็นอันดับสองรองจาก โลก ที่จริงแล้วความหนาแน่นของโลกส่วนหนึ่งเกิดจากแรงอัดตัวของแรงโน้มถ่วง ถ้าไม่นับแรงนี้แล้ว ดาวพุธคงมีความหนาแน่นกว่าโลก นี่แสดงให้เห็นว่าแกนเหล็กของดาวพุธมีขนาดใหญ่กว่าแกนของโลก ดาวพุธมีแมนเทิลและเปลือกบาง เป็นสารจำพวก ซิลิเกท
.....ภายในของดาวพุธเป็นแกนเหล็กขนาดใหญ่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,800 ถึง 1,900 ก.ม. ล้อมรอบด้วยชั้นที่เป็นซิลิเกท (ในทำนองเดียวกับที่แกนของโลกถูกห่อหุ้มด้วยแมนเทิลและเปลือก ) ซึ่งหนาเพียง 500 ถึง 600 ก.ม. บางส่วนของแกนอาจจะยังหลอมละลายอยู่.....ดาวพุธมีบรรยากาศที่บางมาก เกิดจาก ลมสุริยะพัดเป่าอะตอมของพื้นผิวให้หลุดออกมา กอปรกับดาวพุธร้อนมาก อะตอมเหล่านี้จะลอยหลุดไปสู่อวกาศอย่างรวดเร็ว บรรยากาศของดาวพุธเกิดขึ้นและสลายไป ไม่คงตัวอย่าง เช่นบรรยากาศของดาวศุกร์และโลก
.....พื้นผิวของดาวพุธ มีเนินชันขนาดยักษ์ บ้างยาวหลายร้อยกิโลเมตรและสูงถึงสามกิโลเมตร บ้างตัดตรงพาดหลุมอุกกาบาต ลักษณะเช่นนี้แสดงถึงการบีบตัวของพื้นผิว มันแสดงให้เห็นว่าพื้นผิวของดาวพุธมีการหดตัวในราว 0.1% มีแอ่งที่ราบขนาดใหญ่ชื่อ แอ่งคาลอริส มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางค้ายกับแอ่งที่ราบ (ทะเล) บน ดวงจันทร์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการชนกับอุกกาบาตขนาดใหญ่ ในยุคเริ่มแรกของระบบสุริยะ จะเห็นได้ว่าการชนก่อให้เกิดแรงปฏิกริยาให้ภูมิประเทศของพื้นที่ด้านตรงข้ามของดาวกลายเป็นที่สูง พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาต แต่ก็มีบางย่านเป็นที่ราบเรียบ ซึ่งอาจเกิดจากลาวาจากภูเขาไฟโบราณไหลท่วม แต่กระนั้นบางทีก็มีรอยอุกกาบาตรุ่นหลังพุ่งชน จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล ของยานมาริเนอร์อีกครั้ง ตรวจพบหลักฐานเบื้องต้นของภูเขาไฟรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตามยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมมายืนยัน 
.....การสังเกตการณ์ด้วยเรดาร์ พบว่าในบริเวณขั้วเหนือ (เป็นบริเวณที่ยานมาริเนอร์ยังมิได้สำรวจ) พบว่ามีหลักฐานว่าอาจมีน้ำแข็งซ่อนอยู่ในเงาของขอบหลุม.....ดาวพุธมีสนามแม่เหล็กขนาดเล็ก ซึ่งกำลังเพียง 1% ของสนามแม่เหล็กโลก
ดาวพุธไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร
....เราสามารถมองเห็นดาวพุธได้ด้วยตาเปล่า หรือให้กล้องส่องทางไกล มันมักจะปรากฏตัวใกล้กับดวงอาทิตย์ ทำให้เรามองเห็นมันยาก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น