วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สมเด็จพระเอกาทศรถ

สมเด็จพระเอกาทศรถ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ขาว เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระมหาธรรมราชา กับพระวิสุทธิกษัตรีย์ ทรงเป็นพระอนุชาของพระสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สมเด็จพระเอกาทศรถ
Ekatotsarotwpamok06.jpg
พระปรมาภิไธยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3
ราชวงศ์ราชวงศ์สุโขทัย
ครองราชย์25 เมษายน พ.ศ. 2148 - พ.ศ. 2153
ระยะครองราชย์5 ปี
รัชกาลก่อนหน้าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
รัชกาลถัดไปสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์
ข้อมูลส่วนพระองค์
สวรรคตพ.ศ. 2153
พระราชบิดาสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
พระราชมารดาพระวิสุทธิกษัตริย์
พระราชโอรส/ธิดา5 พระองค์

[แก้] พระนามเต็ม

"พระศรีสรรเพชญ์ สมเด็จบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิ สวรรยาราชาธิบดินทร์ องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตร นาถนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวสัย สมุทัย ตโรมนต์ สกลจักรวาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทร หริหรินทรา ธาดาธิบดีศรีวิบุลย คุณรุจิตรฤทธิราเมศวรธรรมิกราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพตรีภูวนาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธิคตา มกุฎเทศมหาพุทธางกูร บรมบพิตร"

[แก้] ก่อนขึ้นครองราชสมบัติ

หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง เมื่อปีพ.ศ. 2127 สมเด็จพระเอกาทศรถก็ได้เสด็จออกร่วมทำการรบคู่กับสมเด็จพระนเรศวร ได้โดยเสด็จในการทำศึกสงครามด้วยทุกครั้งนับแต่นั้นมาจนสิ้นรัชสมัยเสมอเหมือนพระเจ้าแผ่นดินและให้ประทับอยู่ที่พระราชวังจันทร์เกษมในกรุงศรีอยุธยา

[แก้] หลังขึ้นครองราชสมบัติ

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2148 พระองค์ก็ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระนเรศวร ในปีเดียวกันในรัชสมัยของพระองค์ บ้านเมืองเป็นปกติสุข เป็นที่เคารพยำเกรงแก่ประเทศเพื่อนบ้าน อันเป็นผลจากการที่สมเด็จพระนเรศวร และพระองค์เองได้ทรงสร้างอานุภาพ ของราชอาณาจักรอยุธยาไว้อย่างยิ่งใหญ่ มีพระราชอาณาเขตแผ่ออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่ายุคใดๆของไทย พระองค์ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาทำศึกมาตลอดการครองราชย์ของสมเด็จพระนเรศวร จึงไม่มีพระราชประสงค์จะแผ่พระราชอาณาเขตออกไปอีก และหันมาเน้นทางการปกครองบ้านเมืองแทน
ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีชาวต่างประเทศอาศัยในกรุงศรีอยุธยาอยู่มากจึงมีการยอมรับชาวต่างชาติเข้ามาเป็นทหาร เรียกว่า ทหารอาสา โดยได้จัดแบ่งออกเป็นพวก ๆ ตามเชื้อชาติ และตามความชำนาญในการรบ เกิดหน่วยทหารอาสาขึ้นหลายหน่วย เช่น กรมอาสาญี่ปุ่น กรมอาสาจาม กรมทหารแม่นปืน (โปรตุเกส) นอกจากนั้นในรัชสมัยของพระองค์ ยังมีชื่อเสียงในด้านความสามารถหล่อปืนใหญ่สำริดที่มีคุณภาพสูง ซึ่งน่าจะได้เรียนรู้มาจากโปรตุเกสและฮอลันดา เมื่อมาผสมผสานกับขีดความสามารถ ในด้านการหล่อโลหะของไทยที่มีการหล่อ ระฆังและพระพุทธรูป ที่มีมาแต่เดิม จึงทำให้การหล่อปืนใหญ่ของไทยในครั้งนั้นเป็นที่ยกย่องชมเชยไปถึงต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากการที่โชกุนของญี่ปุ่น ได้มีหนังสือชมเชยคุณสมบัติของปืนใหญ่ไทยเป็นอันมาก พร้อมกับขอให้ไทยช่วยหล่อปืนใหญ่ให้อีกด้วย (โชกุนของญี่ปุ่นในรัชสมัยของพระองค์คือโชกุนโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ)

[แก้] พระราชโอรสและพระราชธิดา


ไม่ปรากฏว่าสมเด็จพระเอกาทศรถทรงมีพระราชธิดาแต่พระองค์ทรงมีพระราชโอรสเจ็ดองค์ดังนี้ (เรียงจากพระราชโอรสที่ประสูติเป็นองค์แรกไปยังพระราชโอรสที่ประสูติเป็นพระองค์สุดท้าย)
  1. เจ้าฟ้าสุทัศน์ ซึ่งดื่มยาพิษสิ้นพระชนม์
  2. เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็น "สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์" และครองราชย์หนึ่งปีก็ถูกทำราชประหาร
  3. พระศรีศิลป์ ซึ่งหนีราชภัยไปบวชและหลังจากนั้นทรงขึ้นครองราชย์โดยทรงมีพระนามใหม่ว่า "พระเจ้าทรงธรรม" "สมเด็จพระเชษฐาธิราช" ซึ่งทรงเป็นพระราชโอรสครองราชย์ต่อหนึ่งปีแปดเดือนก็ถูกทำราชประหาร
  4. เจ้าพลาย ซึ่งหนีราชภัยไปตั้งบ้านเรือนที่แขวงบางช้าง เมืองราชบุรี (ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) แขวงดังกล่าวคือจังหวัดสมุทรสงคราม) และทรงมีบุตรหลานเกี่ยวดองกันมากกับเจ้าแสน[ต้องการอ้างอิง]
  5. เจ้าแสน ซึ่งหนีราชภัยพร้อมกับเจ้าพลาย (ผู้ที่มีนามสกุลว่า "ชูโต"[ต้องการอ้างอิง] จากการสืบเชื้อสายโดยนับทางบิดาตลอดและผู้ที่มีนามสกุลว่า "ณ บางช้าง"[ต้องการอ้างอิง] จากการสืบเชื้อสายโดยนับทางบิดาตลอด เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายโดยนับทางบิดาตลอดจากเจ้าแสน)
  6. เจ้าไลย ซึ่งมีพระชนนีชื่อ "อออิน" หรือ "อิน" ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพบ (ปะ) พระชนนีในเจ้าไลยในอำเภอบางปะอิน[ต้องการอ้างอิง]) เจ้าไลยทรงสถาปนาราชวงศ์ใหม่ซึ่งคือราชวงศ์ปราสาททองและทรงมีพระนามใหม่ว่า "สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง"
  7. พระศรีสุธรรมราชา ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็น "สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา" และครองราชย์ 2 เดือน 17 วัน ก็ถูกทำราชประหาร
  8. เจ้าแม่วัดดุสิต เป็นราชธิดาของสมเด็จพระเอกาทศรส สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ได้ฟังคำบอกเล่าจากพระวันรัตน์(ฉิม)ว่า เจ้าฟ้าหญิงรัศมี และเจ้าฟ้าจีกเคยเล่าว่า สมเด็จพระเอกาทศรสแห่งราชวงศ์พระร่วง ได้อภิเษกสมรสกับราชธิดาของพระยาเกียรติ์ (ขุนนางชาวมอญที่ติดตามสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) มีราชธิดา คือ เจ้าครอกบัว(หม่อมเจ้าบัว) และเจ้าครอกอำภัย (หม่อมเจ้าอำไพ) แต่ในหนังสือนี้ยังมีข้อความที่คลุมเครือระหว่างเจ้าครอกบัวและเจ้าครอกอำไพอยู่มาก ซึ่งทำให้สับสนว่า เจ้าแม่วัดดุสิตมีชื่อเดิมว่าอย่างไรกันแน่

[แก้] เสด็จสวรรคต

สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2153 และทรงอยู่ในราชสมบัติได้ 5 ปี สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่เจ็ดหรือพระราชโอรสองค์รองในพระมเหสีจึงได้เสวยราชสมบัติต่อ

[แก้] ดูเพิ่ม

[แก้] ราชตระกูล

พระราชตระกูลในสมเด็จพระเอกาทศรถ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์พระร่วง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระเอกาทศรถ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเฑียรราชา)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พระวิสุทธิกษัตรีย์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระสุริโยทัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น