วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

ข่าวน้ำท่วม

  

 
 
 
 
ร่วมลงนามถวายพระพร
 
 
  บทความทั่วไป
 
 
บทความน้ำท่วมมาใหม่
 
 
 
 
อัพเดทน้ำท่วม 5 ธันวาคม 54
 
ในหลวง มีพระราชดำรัส ขอร่วมมือแก้น้ำท่วม
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส ขอทุกฝ่ายร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วม เพื่อความผาสุกของประชาชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสตอบ มีใจความว่า ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกัน มาอวยพรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาเป็นประการต่าง ๆ ข้าพเจ้าขอสนองต่อพร และไมตรีจิตเหล่านั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ท่านทั้งหลายในปีนี้ ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งฝ่ายพลเรือน และทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า ความมั่นคงของประเทศชาตินั้น จะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยประชาชนในชาติ อยู่ดี มีสุข ไม่มีทุกข์ ยากเข็ญ ดังนั้น การอันใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชนทุกคน ทุกฝ่ายจึงต้องถือเป็นหน้าที่ จะต้องร่วมมือกัน ปฏิบัติ แก้ไข ให้เต็มกำลัง โดยเฉพาะขณะนี้ ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม จึงขอที่จะร่วมมือกัน ปัดเป่าแก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
อย่างเช่นโครงการต่างๆ ที่เคยพูดไปนั้น เป็นการแนะนำ ไม่ใช่สั่งการ แต่ถ้าปรึกษากันแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ คุ้มค่า และทำได้ ก็ทำ ข้อสำคัญจะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน หากจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่มีประโยชน์ เพื่อความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจาคทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยความสุข ความเจริญ ให้แก่ท่านทั่วกัน

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพ และกล่าวกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งถึงความปลาบปลื้มปีติ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในพระราชพิธีมหามงคล ความว่า ข้าพระพุทธเจ้า และพสกนิกรชาวไทย ตระหนักดีกว่าชีวิตทุกวันนี้เย็นศิระเพราะพระบริบาลโดยแท้ ทรงเป็นดวงประทีบ และธงชัยนำชีวิตของคนไทยทั้งแผ่นดิน การปฏิบัติตนเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความรู้รักสามัคคี จึงเป็นมิ่งมงคล และเป็นความดีงามที่พึงยึดถือโดยไม่เว้นวาย ในอภิลักขิตมหามงคลสมัย ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายพระพรชัยมงคล ขอบันดาลพระประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจจะถวายชัย ไชโย

จากนั้น นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ในนามสมาชิกรัฐสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เปิดกรวยดอกไม้ ธูปเทียนแพ และกล่าวกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล กราบบังคมทูลพระกรุณาแสดงความปลื้มปีติเป็นล้นพ้น เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษ 7 รอบ ขอตั้งจิตปรารถนาสมานฉันท์ ประกอบกรรมดีถวายเป็นราชสักการะ เฉลิมพระเกียรติ ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะเทิดทูนปกปักษ์รักษาราชบัลลังก์ ตอบสนองพระราชปณิธานทุกวิถีทาง ให้ประเทศชาติ และระบอบประชาธิปไตยดำเนินสืบไป
 
 
 
ประเทศไทยตอนบนมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อากาศเย็นลง 1-3 องศา ภาคใต้ มีฝนกระจาย

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันศุกร์ที่ 2ธันวาคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้แล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิลดลง 1-3องศาเซลเซียส

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีกำลังแรงขึ้นโดยทะลมีคลื่นสูงประมาณ 2เมตร

 พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00วันนี้ ถึง 06:00วันพรุ่งนี้.

- ภาคเหนือ มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3องศา อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 16-21องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-33องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12กม./ชม.

- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3องศา กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-21องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35กม./ชม.

- ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 20-22องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30กม./ชม.

- ภาคตะวันออก อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 21-23องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1เมตร

- ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2เมตร

- ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-25องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1เมตร

- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 24-25องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30กม./ชม.
 
เสรีห่วงนนท์จมถึงปีใหม่
 
 
สถานการณ์น้ำท่วมขังในเขตกทม. และปริมณฑล วันนี้ได้ไปตรวจดูที่จ.นนทบุรี อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ พบปัญหาตอนนี้คือ ปริมาณน้ำเหนือคลองพิมลราชา ตอนนี้มีอยู่ 415 ล้านลบ.ม. แต่ไม่ได้หมายความว่าระบายแล้วจะหมดไป เพราะยังมีน้ำตอนเหนือขึ้นไปอีก 1,200 ล้านลบ.ม.คอยเติมลงมาตลอด ไหลลงมาตามคลองย่อยต่างๆ มีชาวบ้านมาถามว่า อยากจะฉลองปีใหม่บอกไปว่าอาจจะต้องฉลองกันกลางน้ำ มีความเป็นไปได้ว่าจะท่วมนานถึงปีใหม่

นอกจากนี้ยังได้ไปดูที่วัดส้มเกลี้ยง ถนนกาญจนาภิเษก มีคลองซอยมาก โดยคลองแนวดิ่งที่ไหลลงคลองมหาสวัสดิ์ ระบายน้ำได้ดีกว่าคลองแนวขวางที่มีปัญหาไหลได้ช้า ทางการต้องเข้าไปดูแลใกล้ชิดว่าจะแบ่งบล็อคน้ำอย่างไร เพื่อเร่งสูบน้ำช่วยให้ชาวบ้านกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในซอยจากวัดส้มเกลี้ยงเข้าไปตามถนนซอยมีน้ำท่วมสูง บางจุดท่วมถึงต้นคอ ถึงหน้าอก เพราะน้ำระบายได้ยาก ถ้าปล่อยให้ระบายน้ำตามธรรมชาติจะระบายได้ช้าจึงอยากจะฝากทางศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)และรัฐบาลให้เข้าไปช่วยเหลือ.
 
 
อัพเดทน้ำท่วม 1 ธันวาคม 54
 
 
 
 
เจ้าของรถยนต์ทยอยกลับไปเอารถที่จอดไว้ในลาดจอดรถในท่าอากาศยานดอนเมือง บางรายยอมรับว่ารู้ว่าน้ำจะท่วมดอนเมือง แต่กลับมาเอารถออกไม่ทัน ขณะที่บริษัทประกันภัยประเมินความเสียหายของรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมออกเป็น 4 ระดับ ค่าซ่อมแซมตั้งแต่ 8,000 บาท ไปจนถึงมากกว่า 40,000 บาท
สภาพรถของนางสุวัฒนา ที่จอดในลานจอดรถชั้นใต้ดิน หน้าอาคารผู้โดยสารในประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่ถูกน้ำท่วมรถครึ่งคัน แต่โชคดีที่เจ้าของรถยนต์คันนี้ เห็นสภาพน้ำที่ท่วมในท่าอากาศดอนเมืองสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจย้ายรถขึ้นมาจอดบนฟุตบาท เพื่อให้ส่วนของเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านหน้ารถไม่เปียกน้ำ
ทีมข่าววอยซ์ทีวีได้สำรวจพื้นที่รอบๆ ท่าอากาศยานดอนเมืองพบว่า รถยนต์หลากหลายรุ่นที่นำมาจอดบนลานจอด ทุกคันถูกน้ำท่วมหมด ความรุนแรงของน้ำเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ที่นี่ถูกน้ำท่วมไม่ต่ำกว่า 1 เมตร 50เซนติเมตร และมีน้ำเหนือไหลเข้ามาเติมตลอดเวลาในช่วงนั้น ทำให้รถยนต์บางคันที่จอดเรียงรายอย่างดี ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ชาวบ้านรายหนึ่งที่กลับมาดูรถยนต์ที่จอดไว้ในท่าอากาศยานดอนเมืองแห่งนี้ พบว่าน้ำได้พัดรถที่เคยจอดข้างรถสีแดงคันนี้ มาอยู่ตรงจุดนี้ และบอกว่า ที่ไม่สามารถนำรถออกไปได้ เพราะว่าบ้านที่อาศัยอยู่ย่านรังสิต ถูกน้ำท่วมในระดับอก ไม่สามารถออกมาเคลื่อนย้ายรถได้ จึงตัดสินใจทิ้งรถ และเลือกที่จะดูแลบ้าน พร้อมทั้งตั้งใจไว้ว่า เงินเก็บทั้งหมดที่มีจะต้องนำมาทุ่มเทกับการซ่อมแซมบ้าน ส่วนรถยนต์ที่มีสภาพเสียหาย เบื้องต้นจะนำไปบ้านที่จังหวัดราชบุรี และเข้าอู่ซ่อม หากค่าซ่อมแพงเกินไป ก็ต้องขายทิ้ง
ในวันนี้โตโยต้า ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมประกันวินาศภัย ร่วมกันจัดงานกู้รถที่ถูกน้ำท่วมในท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่นำรถมาจอดในลานจอดรถท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถออกได้
นายกิจจา แสงพุ่ม ผู้จัดการงานบริหารด้านเทคนิคในประเทศ ฝ่ายบริการด้านเทคนิค บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โตโยต้าได้ลดค่าอะไหล่30% ให้ลูกค้าของโตโยต้าที่รถถูกน้ำท่วม จนถึงวันที่31ธันวาคมนี้
ด้านนายพันธ์เทพ ชัยปริญญา ประธานชมรมสินไหมยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย ประเมินความเสียหายตามระดับน้ำที่ท่วมรถออกเป็น 4ระดับ ได้แก่ ระดับที่1 น้ำท่วมรถถึงพรม ค่าซ่อมรถอยู่ที่ 8,000-10,000 บาท ระยะเวลาการซ่อมแซม 3-5 วัน ระดับที่ 2น้ำท่วมรถถึงเบาะนั่ง ค่าซ่อมอยู่ที่ 15,000-20,000 บาท ระยะเวลาการซ่อม2สัปดาห์
ระดับที่ 3 คือน้ำท่วมรถถึงคอนโซล ค่าซ่อมอยู่ที่ 25,000-30,000 บาทระยะเวลาในการซ่อม 3สัปดาห์ถึง1เดือน และระดับสุดท้ายหนักสุด คือระดับที่ 4 น้ำท่วมมิดหลังคารถ ค่าซ่อมรถอยู่ที่ 40,000 บาทขึ้นไป ระยะเวลาในการซ่อมก็1เดือนขึ้นไปเช่นกัน
ประธานชมรมสินไหมยานยนต์ ระบุว่า หากตรวจสอบน้ำที่ท่วมรถของผู้เอาประกันแล้วพบว่า หากค่าซ่อมแซมมากกว่า 60-70% ของราคารถ หรืออยู่ที่ระดับ 3 หรือ 4 บริษัทประกันภัยจะจ่ายเต็มทุนประกันภัยให้เจ้าของรถ ลดความเสี่ยงของการซ่อมรถบางคัน เมื่อซ่อมไปแล้ว สภาพรถกลับมาไม่เหมือนเดิม
จากการสำรวจของชมรมสินไหมยานยนต์ ประกันวินาศภัยระบุว่า มีรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมประมาณ 30,000 คัน ทำประกันภัยรถยนต์ 10,000-20,000 คัน ที่เหลือไม่ได้ทำประกันภัยไว้ ซึ่งความเสียหายทั้งหมด เจ้าของรถยนต์ต้องจ่ายเอง
 
อัพเดทน้ำท่วม 30 พฤศจิกายน 54
 
 
น้ำถ.เพชรเกษมลดลงบ้างแล้ว
 
 
 
สถานการณ์น้ำบนถนนเพชรเกษม ในวันนี้ ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว บางพื้นที่แห้งสนิท ประชาชนทยอยเก็บกวาดบ้านตนเองบ้างแล้ว

สถานการณ์น้ำบริเวณถนนเพชรเกษม เขตบางแคในวันนี้ ระดับน้ำบนผิวถนนลดลงมาก จนเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงเหลือเพียงถนนฝั่งขาเข้า บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ บางแค ไปจนถึงบริเวณห้าง เทสโก โลตัส สาขาบางแค ระดับน้ำยังคงมีอยู่เล็กน้อยบนผิวถนน รถเล็กสามารถใช้การได้ ด้านฝั่งขาออกมุ่งหน้าสู่ จ.นครปฐม น้ำแห้งสนิทแล้ว โดยทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เฉพาะกิจในบริเวณพื้นที่ เพื่อดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งภายหลังจากที่น้ำเริ่มลดลง ประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยกลับเข้าสู่พื้นที่ และเริ่มมีการทำความสะอาดบ้านเรือนของตนเองบ้างแล้ว ทำให้การจราจรในบริเวณดังกล่าวค่อนข้างหนาแน่น

ทั้งนี้ระดับน้ำบนถนนเพชรเกษม บริเวณฝั่งคลองบางแวก ยังคงมีระดับน้ำสูงอยู่ รวมไปถึงในหมู่บ้านเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงมีระดับน้ำสูงกว่า 70-80 ซม. แต่ก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
 
 
อัพเดทน้ำท่วม 29 พฤศจิกายน 54
 
 
ชาวบ้าน200ฮือเปิด ปตร.คลองพระยาสุเรนทร์ 1.50ม.แล้ว
 
 
 
ชาวบ้านย่าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี กว่า 200 คน ฮือกดดันให้เปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์จาก 1 เมตร เป็น1.50 เมตรแล้ว ด้านคลองสามวา มีนบุรี บางเขน เฝ้าระวัง ผลกระทบ...
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.15 น.วันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา บริเวณประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ ท้องที่ สน.คันนายาว ชาวบ้านกว่า 200 คนรวมตัวกันเดินทางไปกดดันให้เจ้าหน้าที่เปิด
ประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ จาก 1เมตร เป็น 1.50 เมตร โดยสถานการณ์ล่าสุด ชาวบ้านเข้ามาเดินสายไฟที่ถูกตัดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปิดประตูระบายน้ำแล้ว และเปิดประตูระบายน้ำขึ้นเป้น 1.50 เมตรแล้ว
 
พ.ต.อ.วิบุลยุทธ สันทัดเวช ผู้กำกับการสถานีตำรวจคันนายาว กล่าวว่า ขณะนี้ ได้เปิดประตูระบายน้ำเป็น 1.50 เมตรแล้วซึ่งจากการสังเกตการณ์พบว่า ภายหลังจากที่เปิดประตูระบายน้ำไปได้พักหนึ่งแล้ว ระดับน้ำในฝั่งเหนือประตูระบายลดลงราว 10 ซม. ซึ่งคงต้องให้ชาวบ้านที่อยู่หลังประตูระบายน้ำเฝ้าระวังผลกระทบเนื่องจากตนเองก็ไม่อาจตอบได้ว่า การเปิดประตูเพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลอะไรแค่ไหนบ้าง ส่วนสถานการณ์ทั่วไปยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง
 
ขณะเดียวกันชาวบ้านได้เฝ้าประตูไว้
 
 
บ้านชาว อ.ลำลูกกา ส่งคนเฝ้าป้องกัน กทม. มาลดบานประตูระบายน้ำลง เผยพื้นที่ท้ายประตูน้ำสูงขึ้นเล็กน้อย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย. ยังมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งจาก อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เฝ้าบริเวณประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ เพื่อไม่ให้ทาง กทม. มาลดบานประตูระบายน้ำลงทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ได้มีชาวบ้าน อ.ลำลูกกา กว่า 200 คน มากดดันให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูระบายน้ำดังกล่าว จาก 1 เมตร เป็น 1.50 เมตร
 
โดยแกนนำได้ยืนยันว่า จะไม่ยอมลดประตูระบายน้ำลงเด็ดขาด พร้อมกับเผยว่า หลังจากเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ท้ายประตูมีระดับน้ำสูงขึ้นแต่ไม่มาก ส่วนสถานการณ์ทั่วไปยังคงเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด
 
อัพเดทน้ำท่วม 26 พฤศจิกายน 54
 
 
ระดับน้ำย่านรังสิต ลดลงต่อเนื่อง
 
 
ระดับน้ำย่านรังสิต ลดลงต่อเนื่อง แต่บริเวณหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี น้ำยังสูงกว่า 1 เมตร และท่วมขังนานกว่า 1 เดือนแล้ว
 
สถานการณ์ บนถนนรังสิต ปทุมธานี ขณะนี้ระดับน้ำยังสูง อยู่ที่ 40 - 50 ซ.ม. แม้ว่า น้ำจะลดระดับลงบ้างแล้วก็ตาม แต่ภายในซอย บางจุดน้ำยังสูงถึงระดับเข่า ประมาณ 60 ซ.ม. ขณะที่ ภายในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี น้ำยังสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งความเป็นอยู่ของประชาชนในย่านนี้ ค่อนข้างลำบาก ต้องเดินทางด้วยรถกระบะยกสูง รถบรรทุกของทหาร หรือ เรือ เท่านั้น จากการสังเกตพบว่าลักษณะของน้ำในขณะนี้ส่งกลิ่นเน่าเหม็นมาก และมีสีดำคล้ำ เนื่องจากบริเวณนี้น้ำได้ไหลเข้าท่วมขัง ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนานกว่า 1 เดือนแล้ว
 
 
รายงานสถานการณ์การจราจร ถนนสายหลัก-รองที่ยังปิดการจราจรวันที่ 26พ.ย.
ถนนสายหลักทางทิศเหนือที่ยังปิดการจราจร จำนวน 3 เส้นทาง
1) ถ.พหลโยธิน ขาเข้า - ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่วงเวียนบางเขน ถึง อนุสรณ์สถาน
2 ) ถ.วิภาวดีรังสิต ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกหลักสี่ ถึง อนุสรณ์สถาน
3) ถ.นวมินทร์ ขาเข้า- ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกรามอินทรา กม.8 ถึง ถ.นวมินทร์ ซ.157
ถนนสายรองทางทิศเหนือปิดการจราจรอยู่ 15 เส้นทาง
1) ถ.ช่างอากาศอุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.
2) ถ.เลียบคลองสอง ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.
3) ถ.จันทรุเบกษา ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.
4) ถ.วัชรพล ปิดการจราจรตลอดสาย ตั้งแต่ห้าแยกวัชรพล ถึง ตัด ถ.เพิ่มสิน ระดับน้ำ 30 ซม.
5) ถ.เพิ่มสิน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30 ซม.
6) ถ.สุขาภิบาล 5 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 20 ซม.
7) ถ.เทิดราชันย์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 55 ซม.
8) ถ.กำแพงเพชร 6 ตั้งแต่ปากทางเข้าการเคหะทุ่งสองห้อง ถึง สุดเขตนครบาล (สน.ดอนเมือง) ระดับน้ำ 30 - 38 ซม.
9) สรงประภา ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.
10) ถ.เชิดวุฒากาศ ปิดกาจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 35 ซม.
11) ถ.โกสุมร่วมใจ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 35 ซม.
12) ถ.เตชะตุงคะ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 35 ซม.
13) ถ.เวฬุวนาราม ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 25 ซม.
14) ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 14 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 70 ซม.
15) ถ.พระยาสุเรนทร์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30 -50 ซม.

ทิศตะวันตก-ใต้ ถนนสายรอง ปิดการจราจร จำนวน 12 เส้นทาง
1) ถ.ทวีวัฒนา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึงตัด คลองบางไผ่ 30-40 ซม.
2) ถ.ฉิมพลี ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกทุ่งมังกร ถึงหน้า สน.ตลิ่งชัน ระดับน้ำ 20-30 ซม.
3) ถ.ชัยพฤกษ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัดวัดชัยพฤกษ์ ระดับน้ำ 30-40 ซม.
4) ถ.บางแวก ขาเข้า - ขาออก ตั้งแต่ ถ.กาญจนาฯ ถึงคลองทวีวัฒนา ระดับน้ำ 30 - 50 ซม.
5) ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-50 ซม.
6) ถ.อุทยาน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 20-30 ซม.
7) ถ.ศาลาธรรมสพน์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-50 ซม.
8) ถ.สวนผัก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกกาญจนา ถึงสะพานข้ามทางรถไฟ ระดับน้ำ 10-20 ซม.
9) ถ.บางระมาด ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.กาญจนา ถึงตัด ถ.ราชพฤกษ์ ระดับน้ำ 20-30 ซม.
10) ถ.ทุ่งมังกร ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัด ถ.สวนผัก มีระดับน้ำท่วมขังเป็นระยะ ความสูงประมาณ 10-20 ซม.
11) ถ.พัฒนาการ (บางแค) ขาเข้า - ขาออก ตลอดสาย ระดับน้ำ 30-40 ซม.
12) ถ.เทอดไท ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30 -50 ซม.
 
 
 
อัพเดทน้ำท่วม 25 พฤศจิกายน 54
 
ชาวรามอินทรา ปิดถนนแล้ว ประกาศ ขอเจรจา สุขุมพันธ์ ไม่มาไม่เลิก


สถานการณ์ความคืบหน้าของชาวบ้านรามอินทรา ซอย 1 - 39 หลังจากไม่ได้ข้อสรุปจากการหารือแก้ปัญหาน้ำท่วม ได้มีการรวมตัวกันปิดถนนรามอินทราซอย 5 ซึ่งเป็นถนนขาออก มุ่งหน้าไปรามอินทรา โดยใช้รถหกล้อ 1 คน จอดขวางกกลางเลนถนน รวมถึงมวลชนยืนเป็นกำแพงด้วย ทำให้การจราจรบริเวณนี้ติดขัดอย่างหนัก รถที่สัญจรในเส้นทางนี้ จะต้องไปกลับรถหน้าเซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา แล้วขับเป็นเลนสวนบนถนนรามอินทราขาเข้าแทน

ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.2 และ สน.บางเขน คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร แต่ก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้เลี่ยงใช้เส้นทางอื่น

โดย ทางแกนนำได้ประกาศว่า จะปิดถนนจนกว่าจะได้เจรจากับผู้ว่าการชการกรุงเทพมหานคร เพียงคนเดียวเท่านั้น

ความคืบหน้า สถานการณ์การชุมนุมของชาวบ้านซอยรามอินทรา เลขคี่ ซอย 1 - 39 หลังจากส่งตัวแทนเข้าหารือกับทางผู้อำนวยการเขตบางเขนและผู้อำนวยการกองพัฒนาการระบบหลัก สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร โดยใช้ถ้อยคำแถลงอ้างอิงจากสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเรื่องวิธีการระบายน้ำและมีการถามโต้ตอบไปมา ทำให้บรรยากาศในการประชุมค่อนข้างตึงเครียด เพราะชาวบ้านแค่ต้องการทราบว่าน้ำจะลดลงเมื่อใด และใช้ระยะเวลากี่วัน แต่ทางเขตไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน ทำให้ชาวบ้านพากันออกจากห้องประชุม
 
แยกเกษตรน้ำลดลงเหลือครึ่งฟุตปาธ
 
 
 
 
รอบแยกเกษตรน้ำลดลงเหลือครึ่งฟุตปาธ วงเวียนบางเขนเหลือ15ซม. วิภาวดีฯขาออก วิ่งได้แค่แยกหลักสี่

กองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมว่า รอบแยกเกษตร ระดับน้ำลดลงเหลือประมาณครึ่งฟุตบาท รถเล็กผ่านได้  โดยรอบวงเวียนบางเขน ระดับน้ำลดลงเหลือประมาณ 15 ซม. รถเล็กสามารถวิ่งมาทางด้าน แยกเกษตร, มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, และไปทางรามอินราม ได้ ส่วนไปทางด้านตลาดสะพานใหม่ ในบางช่วงยังมีระดับน้ำสูงอยู่ รถเล็กยังไม่ควรผ่าน

ส่วนถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก รถสามารถวิ่งไปได้แค่แยกหลักสี่ เลยแยกหลักสี่ ไปทางด้าน อนุสรณ์สถาน ยังคงมีน้ำท่วมขังสูง รถยังผ่านไม่ได้
 
ด้าน ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบังคับการตำรวจจราจร แจ้งว่า ยังมี 6 เส้นทางสายหลักปิดการจราจรประกอบด้วย

ทิศเหนือที่ยังปิดการจราจร เนื่องจากน้ำท่วม จำนวน 3 เส้นทาง
1 ถ.พหลโยธิน ขาเข้า - ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่วงเวียนบางเขน ถึง อนุสรณ์สถาน
2 ถ.วิภาวดีรังสิต ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกหลักสี่ ถึง อนุสรณ์สถาน
3 ถ.นวมินทร์ ขาเข้า- ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกรามอินทรา กม.8 ถึง ถ.นวมินทร์ ซ.157

เส้นทาง ทิศตะวันตก- ใต้ ที่ยังปิดการจราจร เนื่องจากน้ำท่วม จำนวน 2 เส้นทาง
1 ถ.เพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ถ.เพชรเกษมซอย 47 ถึง ถ.เพชรเกษม ซ.88 (หน้าเดอะมอลล์บางแค ระดับน้ำสูง 40 -50 ซม.
2 ถ.บรมราชชนนี
2.1 ตั้งแต่ ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ถึง ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ระดับน้ำ 20-30 ซม.
2.2 ตั้งแต่ ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ถึง ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ระดับน้ำ 30-60 ซม.

ทิศตะวันออก ที่ยังปิดการจราจร เนื่องจากน้ำท่วมจำนวน 1 เส้นทาง
1 ถ.สุวินทวงศ์ ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่แยกตัด ถ.ราษฎร์อุทิศ ถึงแยกพาณิชยการมีนบุรี ระดับน้ำ 30-45 ซม.

เซ็นทรัล รามอินทราเปิดให้บริการพรุ่งนี้
 
 
เซ็นทรัล รามอินทรา พร้อมเปิดให้บริการ เสาร์ที่26 พ.ย.นี้ 10โมงเช้าถึง2ทุ่ม
รายงานข่าวจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา(ซีพีเอ็น) แจ้งว่า หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณโดยรอบเซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา เริ่มดีขึ้น บริษัทจึงได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะเปิดให้บริการได้อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายนนี้ โดยจะเปิดให้บริการในเวลา 10.00 -20.00น. นอกจากนี้ยังได้จัดรถเพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมด้วย
 
สนับสนุนเนื้อหา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
อัพเดทน้ำท่วม 24 พฤศจิกายน 54
 
ฮืออีก ปิดถนนกาญจนาภิเษก โวย ศปภ.สั่งเปิดประตูระบายน้ำ
 
 
ชาวบ้านเขตทวีวัฒนาและเขตบางแค ฮือปิดถนนกาญจนาภิเษก ช่วงคลองบางเชือกหนัง ก่อนถึงสมาคมปักษ์ใต้ โวย ศปภ.สั่งเปิดประตูระบายน้ำ...
 
ชาวบ้านเขตทวีวัฒนาและเขตบางแค ประมาณ 200 คน รวมตัวปิดถนนกาญจนาภิเษก ช่วงคลองบางเชือกหนัง ก่อนถึงสมาคมปักษ์ใต้ มุ่งหน้าไปบางบัวทอง เรียกร้องให้ทาง ศปภ. ส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ. ลงมาเจรจากับชาวบ้าน กรณีการสั่งเปิดประตูระบายน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ 3 ประตู รวมถึงประตูระบายน้ำคลองฉิมพลีและนครชัยศรี เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบให้มีน้ำไหลเข้ามาในพื้นที่ที่เริ่มลดลงจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยไม่มีการชี้แจงถึงการบริหารจัดการน้ำที่เพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้ จากการปิดถนนกาญจนาภิเษกที่มุ่งหน้าไป อ.บางบัวทอง ส่งผลให้รถที่วิ่งมาจากเพชรเกษมและบางแค ต้องหยุดชะงักและหลายคันต้องกลับรถ ส่วนที่เหลือยังจอดหยุดชะงักอยู่.
 
 
---------------------------------------------------------------------------------------------------
 
 
ชาวบ้านรื้อแนวบิ๊กแบ็ก คปอ. ไม่กระทบ คนกรุงโล่ง
 
สุขุมพันธุ์" เผยเหตุชาวบ้านรื้อบิ๊กแบ็ก แยก คปอ.ยังไม่ส่งผลกระทบ ขอเวลา 48 ชม. ประเมินผลกระทบการเปิดบานประตูระบายน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ ขึ้น 1 เมตร ทั้ง 3 ประตู ส่วนสถานการณ์น้ำดีขึ้นตามลำดับ คลองสายหลักน้ำลดลง บ่ายนี้เตรียมเข้าทำเนียบฯ พบ มท.1
 
เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาเฉพาะกิจและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม กรุงเทพมหานคร (กทม.) ณ ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงถึงสถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานคร ว่า ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ ปริมาณน้ำในคลองสายหลักลดลงเกือบทุกคลอง โดยเฉพาะคลองรังสิต ที่มีปริมาณน้ำอยู่ที่ระดับ 2.98 เมตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างกำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี
 
ส่วนผลของการรื้อแนวกั้นบิ๊กแบ็กที่บริเวณ คปอ.นั้น เท่าที่เห็นตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบ เนื่องจากระดับน้ำในคลองรังสิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่น่าเป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม ทาง กทม.จะเร่งสูบน้ำจากกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ลงคูระบายน้ำและคลองต่างๆ ให้เต็มความสามารถ
 
ขณะเดียวกัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังกล่าวถึงกรณีการเปิดประตูระบายน้ำช่วงคลองมหาสวัสดิ์ ทั้ง 3 แห่ง (คลองซอย คลองควาย คลองขุนศรีบุรีรักษ์) ว่า กำลังติดตามผลกระทบจากการเปิดบานประตูระบายน้ำดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยขอเวลา 48 ชั่วโมงในการพิจารณาว่าจะส่งผลต่อ กทม.อย่างไร ซึ่งเบื้องต้นระดับน้ำในคลองมหาสวัสดิ์ มีระดับที่สูงขึ้น 2 ซม.
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
 
อานิสงส์รื้อบิ๊กแบ็ก! หลายจุดน้ำลดแล้ว แต่บางจุดเพิ่ม
 
หลังจากเมื่อวานนี้ (23 พฤศจิกายน) ชาวบ้านลำลูกกาได้เข้ารื้อกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก ที่บริเวณแยก คปอ.ถนนพหลโยธินออกจนหมด เนื่องจากเห็นว่า บิ๊กแบ็กทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่เป็นเวลานาน ทำให้เมื่อตรวจสอบสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้ (24 พฤศจิกายน) ก็พบว่า ระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลงแล้ว ดังนี้
 
          บริเวณแยกลำลูกกา หน้าสนามกีฬาธูปะเตมีย์ น้ำลดลงกว่า 10 เซนติเมตร แต่รถยนต์ยังไม่สามารถสัญจรได้ เพราะเดิมจุดนี้มีน้ำท่วมสูงถึง 1.20 เมตร
 
          ระดับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ และคลองสอง ซึ่งอยู่รอบหมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอยพหลโยธิน 70 ลดลงแล้วประมาณ 2-3 เซนติเมตร
 
          หมู่บ้านการ์เด้นโฮม ซอยพหลโยธิน 60 ซึ่งอยู่เหนือคันบิ๊กแบ็กที่รื้อเมื่อวานนี้ พบว่า ระดับน้ำลดลงไปประมาณ 6-10 เซนติมเตร ทำให้ชาวบ้านพอใจระดับน้ำ
 
          ชุมชนพหลโยธิน 62 ระดับน้ำลดลงอีก 5 เซนติเมตร จากเดิมที่มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 60 เซนติเมตร
 
          ถนนวิภาวดีรังสิตทั้งขาเข้า และขาออก ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยหัวน้ำยังคงอยู่ที่บริเวณสถานีสูบน้ำคลองวัดหลักสี่ สูงประมาณ 64 เซนติเมตร
 
          ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงท่าอากาศยานดอนเมือง ระดับน้ำยังทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร ส่วนจุดที่วางบิ๊กแบ็ก ก่อนถึงฐานทัพอากาศดอนเมือง และมีการรื้อบิ๊กแบ็กออก ประมาณ 10 เมตร ระดับน้ำในและนอกแนวคันกั้นน้ำไม่ต่างกันมากนัก ระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 40 - 50 เซนติเมตร
 
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม กรุงเทพมหานคร ได้สรุปสถานการณ์น้ำประจำวันตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยพบว่า น้ำทุ่งที่บริเวณเมือง ระดับน้ำลดลง 2 เซนติมเตร ช่วงคลองหกวาสายล่าง ระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองสอง ระดับน้ำลดลง 3 เซนติเมตร
 
 
อย่างไรก็ตาม ผลการจากรื้อบิ๊กแบ็กก็ยังส่งผลให้หลายจุด มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน คือ
 
          บริเวณแยก คปอ. ถนนพหลโยธิน จากเดิมระดับน้ำท่วมขังอยู่ที่ 32 เซนติเมตร แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่า น้ำได้เพิ่มขึ้นอีก 22 เซนติเมตร ท่วมขังสูงถึง 54 เซนติเมตรแล้ว
 
          บริเวณแยกพลับพลา ก่อนถึงตลาดสะพานใหม่ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก 3 เซนติเมตร ขณะที่บางจุดน้ำยังไม่เพิ่ม แต่ยังทรงตัว จากปกติที่เคยลดลงวันละ 1-2 เซนติเมตร
 
          ริมถนนกรุงเทพกรีฑาตัดกับถนนศรีนครินทร์ มีน้ำเอ่อจากท่อระบายน้ำขึ้นมากอีกครั้ง ทำให้ท่วมช่องจราจรด้านซ้ายสุด
 
ทั้งนี้ น.อ.สมศักดิ์  ขาวสุวรรณ์  ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ออกมากล่าวยืนยันว่า การรื้อบิ๊กแบ็กไม่ช่วยให้ระดับน้ำลดลง แต่ยิ่งเพิ่มปัญหา เพราะการกั้นบิ๊กแบ็กจะช่วยให้น้ำระบายออกไปตามคูคลองตามธรรมชาติ แต่การรื้อบิ๊กแบ็กจะยิ่งทำให้น้ำกระจายกว้าง ทำให้การสูบระบายน้ำออกยากยิ่งขึ้น
 
---------------------------------------------------------------------
 
 
รื้อบิ๊กแบ็ก ส่งผลน้ำพหลฯ-สะพานใหม่ สูงขึ้น
 
สถานการณ์น้ำถนนพหลโยธิน หลังจากที่มีการรื้อกระสอบทรายยักษ์หรือบิ๊กแบ็กออกหมด ทำให้สถานการณ์น้ำบริเวณแยก คปอ. พื้นที่บริเวณหลังแนวบิ๊กแบ็ก และหน้าบิ๊กแบ็ก คือทั้งลำลูกกา สายไหม สะพานใหม่ ระดับน้ำขณะนี้เริ่มใกล้เคียงกันแล้วโดยสูงประมาณ 50 ซม.
ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยมีน้ำท่วมขังเริ่มลดลง แต่ขยายวงกว้างแทน ซึ่งชุมชนสายไหม กล่าวว่ายังไม่เห็นชัดว่าระดับเพิ่มขึ้นหลังมีการรื้อบิ๊กแบ็กออก แต่กระแสน้ำเริ่มไหลแรงเพิ่ม และคาดว่าน้ำจะทะลักเข้าหลังคปอ. ในชุมชนวัดเกาะ ,เพิ่มสิน แทน ขณะที่โรงพยาบาลภูมิพล จากเดิมที่มีการรื้อกระสอบบริเวณโรงพยาบาล ได้กลับนำมาเรียงวางใหม่ เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้า เช่นเดียวกับที่ตลาดยิ่งเจริญ ผู้อยู่อาศัยรับว่าจากเดิมระดับน้ำเริ่มลดลงวันละ 1-2 ซม. ขณะนี้ไม่ลดลงเลย
 
 
บก.จร.เปิดการจราจรอีก 3 เส้นทาง
 
การรถไฟแห่งประเทศไทยแจ้งงดการเดินรถไฟบางสถานีที่ถูกน้ำท่วม ขณะที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประกาศเส้นทางที่สามารถเปิดการจราจรอย่างไม่เป็นทางการเพิ่มเติมอีก 3 เส้นทาง

ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรกองบัญชาการตำรวจนครบาล ประกาศเส้นทางที่ระดับน้ำลด จนสามารถเปิดการจราจรอย่างไม่เป็นทางการเพิ่มเติมจากเดิมอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ ถนนรามอินทรา ขาเข้าและขาออก เปิดการจราจรตลอดสาย แต่ช่วงวงเวียนบางเขนถึงรามอินทรา กม.1 ยังมีน้ำเป็นระยะ ความสูง 15 - 20 เซนติเมตร ถนนงามวงศ์วาน ขาเข้าและขาออก เปิดกาจราจรตลอดสาย แต่จากแยกบางเขน-แยกเกษตร มีน้ำเป็นระยะ ความสูง 10-20 เซนติเมตร

ถนนแจ้งวัฒนะขาเข้าและขาออก เปิดการจราจรตั้งแต่วงเวียนบางเขนถึงแยกหลักสี่ มีน้ำท่วมขังเป็นระยะ 10 - 20 เซนติเมตร / ถนนพหลโยธินขยายเปิดการจราจรตั้งแต่แยกสะพานควายถึงวงเวียนบางเขน

สำหรับเส้นทางที่ยังปิดการจราจรทิศเหนือ ถนนสายหลัก 4 เส้นทาง ได้แก่ ถนนพหลโยธินขาเข้าและขาออก ตั้งแต่วงเวียนบางเขนถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ตั้งแต่แยกหลักสี่ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ขาเข้าและขาออก ตั้งแต่แยกหลักสี่ถึงแยกคลองประปา และถนนนวมินทร์ ขาเข้าและขาออก ตั้งแต่แยกรามอินทรา กม.8 ถึงถนนนวมินทร์ ซอย 157

ทิศตะวันตก-ทิศใต้ ถนนสายหลักปิดการจราจร 2 เส้นทาง คือ ถนนเพชรเกษม ขาเข้าและขาออก จากแยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึงตัดถนนราชพฤกษ์และถนนบรมราชชนนี ตั้งแต่ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ถึงสาย 4 และทิศตะวันออก ถนนสุวินทวงศ์ ขาเข้าและขาออก ตั้งแต่แยกตัดถนนราษฎร์อุทิศถึงแยกพาณิชยการมีนบุรี

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณถนนรอบวงเวียนราชพฤกษ์-นครอินทร์ นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักบำรุงทาง เร่งฟื้นฟูถนนรอบวงเวียนราชพฤกษ์-นครอินทร์ ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ประมาณ 30 เซนติเมตร โดยได้เร่งดำเนินการเรียงบิ๊กแบ็ก พร้อมเร่งสูบน้ำและซ่อมแซมผิวจราจร ซึ่งคาดว่าภายในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ จะสามารถสัญจรผ่านได้

ซึ่งล่าสุดสามารถสัญจรได้ช่องทางเดียว จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่ในการเร่งฟื้นฟูเส้นทาง โดยผู้ใช้เส้นทางสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนทางหลวงชนบท โทร. 1146 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้แจ้งเส้นทางเดินรถไฟในช่วงน้ำท่วม โดยสายเหนือ กรุงเทพ - เชียงใหม่ ขบวนรถออกจากสถานีหัวลำโพง และเปลี่ยนเส้นทางเดินรถผ่านสถานีมักกะสัน คลองตัน หัวหมาก หัวตะเข้ ฉะเชิงเทรา แก่งคอย สระบุรี ชุมทางบ้านภาชี ส่วนสถานีที่จะหยุดรับผู้โดยสาร มีเพียงสถานีฉะเชิงเทราและสถานีแก่งคอยเท่านั้น เนื่องจากยังมีน้ำท่วม ตั้งแต่สถานีดอนเมือง - จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สายใต้เปิดเดินขบวนรถสายใต้ทุกขบวน เดินรถจากสถานีหัวลำโพง ตามปกติ และยกเลิกการรับส่งโดยรถบัส ไปที่สถานีรถไฟนครปฐม และสายอีสาน งดเดินขบวนรถเร็วที่ 141 กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และขบวนเร็วที่ 142 อุบลราชธานี-กรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 12-26 ธันวาคมนี้ ส่วนขบวนอื่น ๆ เดินรถปกติ ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สายด่วน 1690
 
  

 
อัพเดทน้ำท่วม 23 พฤศจิกายน 54
 
ชาวบ้านสุดทนน้ำท่วมขัง ฮือชุมนุมปิดโทลล์เวย์ ฝั่งขาเข้า หน้าเซียร์รังสิต
 
 
ชาวบ้านสุดทนน้ำท่วมขัง ฮือชุมนุมปิดโทลล์เวย์ ฝั่งขาเข้า หน้าเซียร์รังสิต ทำให้รถติดอย่างหนัก ขณะที่ถนนวิภาวดีรังสิต ด้านล่าง น้ำยังท่วมสูง รถผ่านยาก อีกด้านพากันยกขบวนรื้อแนวบิ๊กแบ็กแยก คปอ. เจ้าหน้าที่รุดเจรจายังเหลว...
 
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 23 พ.ย. มีรายงานว่า ประชาชนได้รวมตัวชุมนุมปิดทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงหน้าห้างเซียร์ รังสิต ทุกช่องทาง เรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจาก ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งอยู่ด่านล่าง ยังคงมีน้ำท่วมสูง ล่าสุด เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเจรจาและมีการเปิดการจราจร 1 ช่องทางเป็นระยะๆนอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า มีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งรวมตัวรื้อแนวบิ๊ก
 
ม็อบชาวลำลูกกา เดือด!! ประท้วงปิดโทลล์เวย์ ปะทะคนใช้ถนน
ชุมนุมปิดโทลเวย์ขาเข้า หน้าเซียร์รังสิต ขอบคุณภาพจาก @patthapat

ชาวบ้าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ประมาณ 300 คน ปิดโทลล์เวย์ขาเข้า บริเวณหน้าห้างเซียร์รังสิต เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รื้อบิ๊กแบ็กแยก คปอ.
สถานการณ์ล่าสุด
 
ชาวลำลูกกา ยังรื้อ บิ๊กแบ็ก แยก คปอ. ต่อเนื่องยาว 10 เมตรแล้ว ขณะยังไม่มีตัวแทนภาครัฐมาเจรจา ล่าสุดชาวบ้านฮือ ปิดทางลงโทลล์เวย์
 
สถานการณ์ความคืบหน้าการรื้อคันบิ๊กแบ็กแยก คปอ. ขณะนี้ยังคงรื้อกันอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสอบถามชาวบ้านในเหตุการณ์ เผยว่าวันนี้ชาวบ้านที่อยู่เหนือคันบิ๊กแบ็กที่มารวมกันปักหลักรื้อแนวคันกั้นน้ำที่บริเวณถนนพหลโยธินทั้งขาเข้า - ขาออก ในขณะนี้รื้อได้ร่วมกว่า 10 เมตรแล้ว และคาดว่าระดับน้ำฝั่งเหนือคันบิ๊กแบ็กจะลดลงประมาณ 50 - 60 เซนติเมตร สามารถที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนลงได้

ขณะเดียวกัน ยังไม่มีตัวแทนจากกทม. หรือ ศปภ. เข้ามาเจรจาแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยล่าสุด ทางแกนนำได้มีการประกาศว่าขณะนี้ได้มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งปิดทางลงบริเวณทางยกระดับโทลล์เวย์แล้ว
14.35 น. ล่าสุด รถติดโทลล์เวย์ขาเข้าจากหน้าเซียร์รังสิต ลงไปถึงย่านคลองหลวงแล้ว (@SpringNews_TV)
14.28 น. ม็อบลำลูกกา : หากใน 2 ชั่วโมงนี้ยังไม่มีใครมาเจรจา จะเคลื่อนขบวนไปยังโทลเวย์ฝั่งขาออก (@SpringNews_TV)
14.10 น. การเจรจาม็อบบนโทลเวย์ ยากมากเพราะไม่มี”แกนนำ” ที่ชัดเจน ไม่รู้ว่าจะไปตกลงกับใคร (@satien_nna)
14.00 น.ผู้ประท้วงบิ๊กแบ็ค เซียร์ รังสิต ปะทะกับผู้ใช้ทางขณะทำการปิดกั้นเส้นทางขาเข้าโทลล์เวย์ เจ็บเล็กน้อย เวลานี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว (@NationChannel24)
13:54 น. ม๊อบบิ๊กแบ๊ก ปิดโทล์เวย์ ยอมเปิดให้รถวิ่งผ่านได้หนึ่งช่องทาง (@DarkDiy)
13:52 น. การปิดโทล์เวย์ยังดำเนินอยู่ ยังไม่มีตัวแทน จนท. ไกล่เกลี่ยผู้ใช้ทางเดือดร้อนเพราะเป็นทางสายเหนือเส้นเดียวที่ใช้ได้
13.45 น. มีรถโดนทุบ 1 คัน หลังพยายามแหวกผู้ชุมนุมบนโทลเวย์ขาเข้า (@7_preysor)

ขอบคุณภาพจาก @7_preysor
มีรถโดนทุบ 1 คัน หลังพยายามแหวกผู้ชุมนุมบนโทลเวย์ขาเข้า
13.40 น. การชุมนุมบนโทลเวย์ส่อรุนแรง คนใช้ถนนไม่พอใจโห่ไล่ผู้ชุมนุม (@HimZArranger)
 
 
เขื่อนภูมิพล ลดการระบายน้ำต่ำสุดในรอบปี ทำระดับน้ำในแม่น้ำปิงลดระดับลง ในขณะที่ชาวนาเริ่มปลูกข้าวนาปรัง...
 
สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ระดับน้ำเข้าลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขื่อนสามารถลดการระบายน้ำสู่ท้ายเขื่อนเหลือต่ำกว่า 20 ล้าน ลบ.ม.เป็นวันแรกในรอบปี ส่งผลให้แม่น้ำปิงตลอดทั้งสายถึง จ.กำแพงเพชร น้ำน้อยลงจนสันดอนทรายโผล่ให้เห็น ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลมีระดับน้ำกักเก็บที่ 259.59 เมตร จากที่มีน้ำกักเก็บทั้งสิ้น 13,335 ล้าน ลบ.ม. เหลืออีก 127 ล้าน ลบ.ม.น้ำเต็มอ่าง
 
โดยในวันนี้ถือว่า เขื่อนภูมิพล ได้ลดการระบายน้ำลงต่ำสุดในรอบปี ที่ 208 ลูกบาศก์เมตร/วินาที หรือวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่มีน้ำไหลเข้าวานนี้ 19 ล้าน ลบ.ม. ส่วนแม่น้ำวังก็มีน้ำไหลลงสู่แม่น้ำปิงในระดับต่ำสุดเช่นกันที่ 54 ลูกบาศก์เมตร/วินาที หรือวันละ 4.7 ล้าน ลบ.ม. และจากการบินสำรวจเส้นทางน้ำในลำน้ำปิงตั้งแต่ใต้เขื่อนภูมิพล จนถึง จ.กำแพงเพชร พบว่าระดับน้ำน้อยจนเห็นสันดอนทรายโผล่เกือบตลอดทั้งสาย
 
ในขณะทิ่แม่น้ำปิงเกือบตลอดทั้งสายเช่นกัน พบว่าชาวนาเริ่มปลูกข้าวนาปรังกันแล้วจำนวนมาก หลังจากที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จเรียบร้อย.
 
 
 
 
ลำลูกกาจ่อฟ้องศาลปกครอง-รังสิตจี้รื้อบิ๊กแบ็ค
 
 
ชาวลำลูกการวมตัว หมู่บ้านการ์เด้นโฮม ทวงถามรัฐแก้ปัญหาน้ำหลังท่วมนานนับเดือน จ่อฟ้องศาลปกครอง ด้าน ชาวรังสิตรวมตัวฟิวเจอร์ปาร์ค จี้ศปภ.รื้อบิ๊กแบ็กตลอดแนว วิภาวดี
 
นางทองมี กวักทรัพย์ แกนนำชาวบ้าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า เวลา 10.00 น. วันนี้ ชาวบ้านลำลูกกาจะรวมตัวกันที่หมู่บ้านการ์เด้นโฮม เพื่อประชุมหาท่าทีอีกครั้ง เพื่อทวงคำตอบจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถูกท่วมมานานร่วมเดือน ขณะที่ สมาชิกในหมู่บ้าน ระบุหากภาครัฐไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ชัดเจน จะฟ้องรัฐบาลกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครอง
 
สำหรับสถานการณ์ อ.ลำลูกกา ที่อยู่เหนือแนวคันกั้นคลองหกวา ระดับน้ำเริ่มลดลงตั้งแต่คลองหนึ่ง - คลองเจ็ด อยู่ที่ระดับ 15 - 40 ซม. ส่วนบริเวณทางแยกเข้าลำลูกกาน้ำยังคงสูง รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ตั้งแต่คลองสองทั้งขาเข้าและขาออก รถเล็ก รถจักรยานยนต์สามารถสัญจรได้แล้ว
 
ชาวรังสิตรวมตัวจี้ศปภ. รื้อบิ๊กแบ็คตลอดแนวถ.วิภาฯ
 
นายปกรณ์พัฒน์ เทพเอื้อตระกูล ประธานชมรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า  เวลา 10.00 น.วันนี้นัดรวมตัวกับชาวบ้านบริเวณสะพานแก้ว หน้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เรียกร้องให้รัฐบาลรื้อแนวกระสอบทรายที่ตั้งบริเวณถนนวิภาวดีออกและขอให้ ศปภ.นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งที่ประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์เพื่อเร่งสูบน้ำออก เนื่องจากชาวบ้านยังคงได้รับความเดือดร้อน
 
 
วัดพระธรรมกายนำ “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์”
 
 
วัดพระธรรมกาย จับมือหน่วยงานราชการ และประชาชนร่วมแรงกันทำความสะอาดถนนใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังน้ำลด 
 
เมื่อเวลา 09.00น. วันนี้ ( 22 พ.ย.)  ทางวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย นำโดยหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ร่วมกับกองทัพบก เทศบาลเมืองท่าโขลง เทศบาลเมืองคลองหลวง อบต.คลองสาม อบต.คลองสี่ จ.ปทุมธานี  เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ากรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  นักเรียนจากสถาบันการศึกษาใกล้เคียง พร้อมประชาชนในชุมชนต่างๆ ในเขต อ.คลองหลวง กว่า2,000 คน ทำความสะอาดถนนสายคลองหลวง-คลองห้า ในเขต อ.คลองหลวง ตลอดทั้งสองฝั่งถนน ตั้งแต่สะพานคลอง1 ถึงสะพานคลอง 4 ระยะทางรวม 6 กิโลเมตร
 
 
พระสนิทวงศ์  วุฑฒิวังโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า การที่วัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยหน่วยงานราชการ ต่างๆ ออกมาร่วมกันทำความสะอาดในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ถนนคลองหลวง ได้ถูกน้ำไหลเข้าท่วมขังพื้นผิวการจราจร ทำให้เกิดดินโคลนที่ติดมากับยานพาหนะ ตกหล่นอยู่บนพื้นถนน จึงได้ร่วมกับหน่วยงานราชการและได้รับการสนับสนุนรถบรรทุกน้ำจากเทศบาลเมืองท่าโขลง และเทศบาลเมืองคลองหลวงทั้งหมด 6คันที่จะใช้ในการฉีดล้างพื้นถนนบางขันคลองหลวง เพื่อล้างเศษดินโคลนที่ติดอยู่บนพื้นผิวการจราจร และเป็นการรักษาความสะอาดของบ้านเมืองโดยมีประชาชนตัวแทนชุมชนหัวนำชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก.
 
 
................................................................................................
 
อัพเดทน้ำท่วม 22 พฤศจิกายน 54
 
 
 
 
ชาวนนท์ ฮือ บุกศาลากลาง ร้องเปิดประตูระบายน้ำ กทม.ทั้งหมด เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ขู่ หากยังไม่ปฏิบัติตาม จะบุกไปเปิดเอง ลั่น ผู้ว่าฯแก้ปัญหาไม่ได้ก็ควรลาออก...
 
ชาวนนทบุรีจากหลายอำเภอที่ถูกน้ำท่วมขังมานานนับเดือน รวมตัวเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี เพื่อทวงถามข้อเรียกร้องการระบายน้ำ ผ่านเข้ามายังกรุงเทพมหานคร โดยล่าสุด สถานการณ์เป็นไปอย่างตึงเครียด โดยล่าสุด กลุ่มชาวบ้านได้ประกาศว่า หาก กทม. ยังไม่ยินยอมเปิดประตูระบายน้ำที่อยู่ต่อระหว่างนนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานครทั้งหมด ก็จะเดินทางไปเปิดประตูระบายน้ำกันเอง เพราะไม่สามารถทนอยู่กับน้ำที่ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ซ้ำยังมีกลิ่นเน่าเหม็นได้อีกต่อไป นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้ยื่นข้อเสนอข้อใหม่ว่า หากผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็ควรที่จะลาออกไป
 
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ จ.นนทบุรี ล่าสุด แม้ภาพรวมจะลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง แต่ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ยังมีน้ำท่วมสูงมาก ชาวบ้านยังคงใช้เรือในการสัญจรไปมา และใช้บริการรถบรรทุกของทหารและเอกชนที่เข้าไปให้บริการ ส่วนตามตรอกซอกซอย 2 ข้างทาง น้ำยังคงลึกมาก ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร
--------------------------------------------------
 
นายกฯ ยันไม่ต้องรอน้ำลด รัฐบาลก็เร่งเยียวยาน้ำท่วม
 
 
พร้อมรับข้อเสนอ มาร์ค เยียวยาขั้นบันได แต่ต้องศึกษาให้รอบคอบ สั่งผู้ว่าฯ สำรวจพื้นที่เสียหายน้ำท่วม ก่อนประเมินจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือ
 
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงมาตราการการเยียวยาผู้ประสบเหตุมหาอุทกภัย ว่า รัฐบาลจะให้การดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงและไม่จำเป็นต้องรอให้น้ำลด ถ้าหากพบว่าพื้นที่ได้รับความเสียหายก็จะจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือให้ทันที
 
โดยขณะนี้ทางรัฐบาลได้กำหนดเงื่อนไขไว้ 2ส่วนคือ หากบ้านเสียหายจะได้รับเงินหลังละ20,000 บาท และหากเครื่องใช้ในบ้านได้รับความเสียหายจะได้รับเพิ่มอีก 10,000 บาท ส่วนกรณีเงินช่วยเหลือ 5,000บาทบ้านที่ถูกน้ำท่วมเกิน 7วันนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ กทม.ไปสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน จากนั้นจึงให้ส่งเรื่องเข้ามาที่รัฐบาลอีกครั้ง เพื่อจะได้ดำเนินการเยียวยาให้ทั้งหมดอย่างทั่วถึงต่อไป
 
สำหรับข้อเสนอแนะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน ให้รัฐบาลมีการเยียวยาประชาชนแบบขั้นบันไดนั้น นายกรัฐนตรีกล่าวว่า ตนและรัฐบาลจะรับข้อเสนอไว้ แต่ต้องขอให้ทีมงานได้ศึกษารายละเอียดก่อน
 
กทม. โล่ง แนวโน้มน้ำลดลงต่อเนื่อง 
 
 
 
"กทม." สรุปสถานการณ์น้ำในคลองสายหลักเริ่มลดลง ส่วนระดับน้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงสุดวันนี้ ที่ความสูง 2.14 เมตร เน้นเฝ้าระวังการเปิดบานประตูระบายน้ำเพิ่มขึ้นตามจุดต่างๆ ด้าน "สุขุมพันธุ์ บริพัตร" เก็บตัวเงียบ หลังเข้าประชุมกับคณะผู้บริหาร
 
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาเฉพาะกิจและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม กรุงเทพมหานคร (กทม.) ณ ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำประจำวันในช่วงเช้าวันนี้ว่า ปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 1,826 ลบ.ม. /วินาที ลดลงจากเมื่อวาน 101 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3.47 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ลดลง 5 ซม. ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จากการตรวจวัดที่บริเวณปากคลองตลาด ซึ่งจะขึ้นสูงสุดที่ระดับ 2.14 ม.รทก. ช่วงเวลา 14.25 น. (22 พ.ย.) ส่วนสถานการณ์น้ำทุ่ง บริเวณเขตดอนเมือง ลดลง 2 ซม.
 
คลองหกวาสายล่างที่ประตูระบายน้ำคลองสอง ระดับน้ำลดลง 3 ซม.ด้านฝั่งธนบุรี ระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ตรงประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ลดลง 2 ซม. ทั้งนี้ระดับน้ำในคลองต่างๆยังคงมีน้ำล้นตลิ่ง แบ่งเป็น กทม.ฝั่งพระนคร ประกอบด้วย คลองน้ำแก้ว ช่วงถนนรัชดาภิเษก คลองเปรมประชากร ช่วงวัดเทวสุนทร ด้าน กทม.ฝั่งธนฯ คือ คลองมหาสวัสดิ์ ช่วงพุทธมณฑลสาย 2 คลองบางพรม ถนนกาญจนาภิเษก คลองบางเชือกหนัง ตรงถนนพุทธมณฑลสาย 2 คลองบางแวก ช่วงถนนพุทธมณฑลสาย 1 นอกจากนั้นระดับน้ำในคลองอื่นๆยังปกติ
 
อย่างไร ก็ตาม สถานการณ์น้ำใน กทม. 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น คลองแสนแสบ คลองประเวศบุรีรมย์ ลดลง 1-2 ซม. คลองลาดพร้าว ลดลง 2-4 ซม. คลองเปรมประชากร ช่วงดอนเมือง ลดลง 2 ซม. (ช่วงในเมือง ลดลง 4 ซม.) คลองบางเขน ลดลง 2 ซม. คลองต่างๆ ช่วงตอนบนของฝั่งธนบุรี ลดลง 2-6 ซม.
 
ทั้งนี้ หลังจากในช่วงเช้าที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมประชุมกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่ศาลา ว่าการ กทม. เบื้องต้น ผู้ว่าฯ กทม.ได้ประชุมเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย แต่ยังไม่มีการแถลงข่าวสรุปภาพรวมของสถานการณ์น้ำ และกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำ ซึ่งคาดว่าในช่วงบ่าย จะมีความเคลื่อนไหวของคณะผู้บริหาร กทม. โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง รอยต่อระหว่าง กทม. กับจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี ที่ชาวบ้านในพื้นที่ปริมณฑล กำลังเรียกร้องให้ทาง กทม. ช่วยเปิดประตูระบายน้ำต่างๆ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยลง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
 
อัพเดทน้ำท่วม 21 พฤศจิกายน 54
 
ไทยสังเวยน้ำท่วม 602 ศพ กระทบทางอ้อมครึ่งประเทศ
 
 
 
        เหตุน้ำท่วมไทยทำประชาชนเสียชีวิตพุ่ง 602 ศพ สื่อต่างชาติชี้ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อจังหวัดต่างๆ เกินครึ่งประเทศ...
 
        สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 21 พ.ย. ว่า ยอดผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์รอบ 50 ปี ของประเทศไทย เพ่ิมขึ้นเป็น 602 ศพแล้ว ขณะที่จังหวัดต่างๆ จำนวน 2 ใน 3 ของประเทศก็พลอยได้รับผลกระทบทางอ้อมด้วยเช่นกัน ส่วนจังหวัดที่ได้รับผลกระทบโดยตรงมีทั้งสิ้น 17 จังหวัดข่าวระบุด้วยว่า พื้นที่ทางตะวันตกของกรุงเทพฯ ต้องเป็นด่านรับน้ำจำนวนมาก ก่อนไหลลงสู่ทะเลทางอ่าวไทย และสถานการณ์น้ำเริ่มเลวร้ายลงอีกหน แม้ประชาชนในหลายพื้นที่ เริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนไปแล้ว ขณะที่อีกหลายเขตของกรุงเทพฯและหลายจังหวัดใกล้เคียง ยังคงจมบาดาล.
 
 

 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น