วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

รัชกาลที่ ๑
 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ทองด้วง)
พ.ศ. 2325-2352 (27ปี)
รัชกาลที่ ๒ สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (เจ้าฟ้าฉิม)
พ.ศ. 2352-2367 (15 ปี)
รัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
พ.ศ. 2367-2394 (27ปี)
รัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
                    สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (เป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 2)
พ.ศ. 2394- 2411 (17 ปี)
รัชกาลที่ ๕ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พ.ศ. 2411-2453 (42 ปี)
รัชกาลที่ ๖ สมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พ.ศ. 2453-2468 (15 ปี)
รัชกาลที่ ๗ สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พ.ศ. 2468-2477 (9 ปี)
รัชกาลที่ ๘ สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (โอรสสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์)
พ.ศ. 2477-2489 (12 ปี)
รัชกาลที่ ๙ สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (โอรสสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์)
พ.ศ. 2489 – ปัจจุบัน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
KingNU.jpg
พระปรมาภิไธยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๒
ราชวงศ์ราชวงศ์สุโขทัย
ครองราชย์29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 - 25 เมษายน พ.ศ. 2148
ระยะครองราชย์15 ปี
รัชกาลก่อนหน้าสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
รัชกาลถัดไปสมเด็จพระเอกาทศรถ
ข้อมูลส่วนพระองค์
พระราชสมภพพ.ศ. 2098
สวรรคต25 เมษายน พ.ศ. 2148
รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา
พระราชบิดาสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
พระราชมารดาพระวิสุทธิกษัตรีย์
พระอัครมเหสีเจ้าขรัวมณีจันทร์[1]
พระราชโอรส/ธิดา
    
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัยและสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลกมีพระเชษฐภคินีคือ พระสุพรรณกัลยา มีพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระนามของพระองค์ปรากฏในลายลักษณ์อักษรหลายฉบับ เช่น พระนเรศ วรราชาธิราช, พระนเรสส, องค์ดำ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าพระนาม นเรศวรได้มาจากที่ใด สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เพี้ยนมาจาก สมเด็จพระนเรศ วรราชาธิราช มาเป็น สมเด็จพระนเรศวร ราชาธิราช เสด็จขึ้นครองราชเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชสมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา
ราชการสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของชาติไทย พระองค์ได้กู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด นั่นคือ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ทางด้านทิศเหนือก็ถึงฝั่งแม่น้ำโขงโดยตลอด และยังรวมไปถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ

สุนัขพันธุ์ไทย

สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน

สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน



ไทยหลังอาน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wikipedia.org

           ปากทู่             หูตั้ง             หางโด่
           หัวโต              อกกว้าง        ร่างใหญ่
           ฟันสวย            เล็บงาม         สีอำไพ
           กล้ามใหญ่        ไหล่ตั้ง          ตารี
           เส้นหลังตรง      อานยาว         อุ้งเท้าสิงห์
           ก้าวเดินวิ่ง        เป็นสง่า         เพิ่มราศี
           ใจสู้               รู้ภาษา          ร่าเริงดี
           หมาพันธุ์นี้       ของตราดแท้    แต่โบราณ

           สุนัข ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback) จัดเป็น "สุนัขประจำชาติไทย" ที่เก่าแก่ของประเทศ  อีกทั้งยังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศด้วยการคว้ารางวัลการประกวด สุนัข ระดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งนี้ สุนัข ไทยหลังอาน มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทยแถบจังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง

          ลักษณะเด่นของ สุนัข ไทยหลังอาน คือ แนวขนที่ขึ้นย้อนทางจากท้ายทอดไปตามแนวหลัง หรือที่เรียกว่า มีอานนั่นเอง มีท่าทางว่องไว กระฉับกระเฉง ดูร่าเริง ฉลาด ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อเจ้าของ และยังมีสัญชาตญาณในการล่าสัตว์  มีความดุร้ายพอสมควร ระแวดระวังคนแปลกหน้า หรือตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงต่างๆ  ชาวบ้านจึงนิยมเลี้ยง สุนัข ไทยหลังอาน ไว้เฝ้าบ้าน
อย่างไรก็ตาม สุนัข ไทยหลังอาน มักดุร้ายต่อเมื่ออยู่ในบ้านเท่านั้น หากออกนอกบ้าน แล้วจะไม่ทำอันตรายใครทั้งสิ้น เว้นเสียแต่เมื่อมันหรือนายของมันถูกทำร้าย

         สมัยก่อนชาวบ้านนิยมออกหาอาหารโดยการเข้าป่าล่าสัตว์ ซึ่งมักมีสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานติดตามไปช่วยล่าสัตว์ด้วย เพราะสามารถวิ่งได้เร็ว เนื่องมาจากมีช่วงลำตัวยาวอกลึกเป็นพิเศษและเอวคอดจึงถูกจัดเป็นสุนัขล่าเนื้อพันธุ์หนึ่ง แต่ในบางครั้งอาจได้ยินคนเรียกสุนัขพันธุ์นี้ว่า "หมาตามเกวียน"ตามลักษณะที่มันวิ่งตามเกวียน ไปกับผู้เลี้ยงขณะเดินทาง

           ทั้งนี้ บรรพบุรุษของ สุนัข ไทยหลังอาน ไม่ชัดเจนเท่าไหลนัก เท่าที่มีข้อมูลบันทึกไว้เก่าแก่ที่สุดเรื่องราวของสุนัขไทย คือบันทึกในสมุดข่อยโบราณ สมัยพระเจ้าทรงธรรม แห่งกรุงศรีอยุธยาราว พ.ศ. 2170 ประมาณ 382 ปีมาแล้ว

           ในปี พ.ศ. 2531 กลุ่มผู้เลี้ยง สุนัขพันธุ์ไทย ได้เริ่มก่อตัวและจัดตั้งเป็นชมรมและสมาคมขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพัฒนาสุนัขพันธุ์ไทยให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น โดยทางสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขแห่งประเทศไทยได้ยื่นขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์สุนัขแห่งเอเชีย(A.K.U.) และสมาคมสุนัขโลก (F.C.I.) เพื่อขอจดทะเบียนลิขสิทธิ์พิทักษ์ สุนัข ไทยหลังอาน ทำให้ สุนัข ไทยหลังอาน ได้เข้าเป็นสมาชิก เมื่อปี พ.ศ.2530 ลำดับที่ 338 ทั้งนี้ ตามมาตรฐานฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 สุนัข ไทยหลังอาน จัดอยู่ในกลุ่มสปิทซ์และสุนัขล่าสัตว์พันธุ์พื้นเมือง

           ปัจจุบัน สุนัข ไทยหลังอาน ได้รับความสนใจทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เริ่มมีความสนใจที่จะมีการจัดประกวดสุนัขไทยหลังอานในต่างประเทศ เสน่ห์ของ สุนัข ไทยหลังอาน ที่คนต่างชาติชอบคือ ความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ต้องแต่งเติม สุนัข สายพันธุ์ต่างประเทศบางสายพันธุ์จะต้องมีการตัดหางหรือตัดแต่งหู เหล่านี้เป็นต้น

 ลักษณะโดยทั่วไปของ สุนัข ไทยหลังอาน

           สุนัข ไทยหลังอาน จัดอยู่ในจำพวกฮาวด์(hound) คือพวกสุนัขล่าสัตว์ เป็นสุนัขขนาดปานกลาง ขนสั้น มาก ร่างกายแข็งแรง ว่องไว ปราดเปรียวมีความสามารถในการกระโดดเป็นเยี่ยม มีรูปร่างลักษณะใกล้เคียงกับสุนัขพันธุ์ไทยทั่วไปขนาดก็เท่าๆ กัน แต่มีลักษณะเด่นพิเศษตรงแนวขนที่ขึ้นย้อนทางจากท้ายทอดไปตามแนวหลัง ลำตัวยาวกว่าความสูงที่บ่าเล็กน้อย ขณะที่ สุนัข ไทยหลังอาน ยืนเพ่งดูจะมีลักษณะงามสง่า หน้าจะเชิด หูจะตั้ง หางจะทอดไปข้างหลังมีลักษณะเหมือนดาบโค้งงอนมีกล้ามเนื้อเห็นชัดเจน ลักษณะทางกายภาพเหมาะกับการล่าสัตว์

           การเลือกซื้อ สุนัข ไทยหลังอาน คือ ลูกสุนัขควรมีอายุอย่างน้อย 2 เดือน และเลือกตัว ที่มีสุขภาพแข็งแรง โดยดูจากลักษณะทั่วๆไป เช่น สังเกตุตาว่าต้องใส ไม่มีฝ้าขาวหรือขี้ตา เหงือกสีชมพูแดงเรื่อๆ ไม่ขาวซีด ฟันสีขาวน้ำนม ไม่เป็นสีเหลืองอ่อน จมูกชื้น ไม่แห้งและไม่มีน้ำมูก หูสะอาดแห้ง ไม่มีกลิ่น  ขนสั้น หลังอาน หางต้องตั้งตรง เพราะเมื่อมันโตขึ้นหางจะ ยิ่งม้วนเข้า หากม้วนตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นอาจม้วนจนติดหลัง ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่ดี เพราะฉะนั้นควรเลือกตัวที่หางตั้งตรงมากที่สุด

           อย่างไรก็ดี ลูกสุนัข อายุน้อยกว่า 2 เดือน หูอาจจะยังตกอยู่ เพื่อความปลอดภัย เวลาเลือกซื้อก็ควรหลีกเลี่ยงลูกสุนัขหูตก ส่วนสีก็เลือกตามที่คุณพอใจ แต่ควรให้เป็นสีเดียวตลอดทั้งตัว ลักษณะเหล่านี้ต้องตรวจดูให้ทั่วก่อนตัดสินใจซื้อ

           สีขน

           สุนัข ไทยหลังอาน ที่จดทะเบียนไว้ กับสมาพันธุ์สุนัขโลก (FCI) มี ๔ สีคือ แดง (น้ำตาล-แดง) ดำ สวาด (เทา) และสีกลีบบัว หรือสีเหลืองอ่อนอมน้ำตาลอ่อน ( Isabella/Fawn) สำหรับ สุนัข สีแดงมักนิยมตัวที่มีปากมอม (สีดำบริเวณรอบปาก) ยังมี สุนัข ไทยหลังอาน อีกหลายสีที่มีให้เห็นบ้างคือ สีขาว ลายเสือ และสีเขียว (สีกระรอก)


           อุปนิสัย

           สุนัข ไทยหลังอาน เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ที่ได้ชื่อว่ารักเจ้าของ ไม่ดื้อ ประจบเก่ง สุภาพ และฉลาด แต่มีความดุร้ายพอสมควรเมื่อเจอคนที่ไม่ใช่เจ้าของ

การเลี้ยงดู สุนัข ไทยหลังอาน

           โดยปกติกแล้ว สุนัข ไทยหลังอาน เป็นสุนัขที่เลี้ยงง่าย แข็งแรง แต่เรื่องนิสัยที่ว่าดุๆ ก็เป็นเพราะพื้นฐานของสายพันธุ์ ซึ่งมันจะขี้ประจบ หวงเจ้าของ แต่กับคนแปลกหน้า ผู้เลี้ยงต้องคอยดูแลให้ดีๆ ไม่งั้นอาจเป็นปัญหาไปกัดเพื่อนบ้าน หรือคนอื่นๆ ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงด้วยว่าคุณเอาใจใส่ต่อสุขภาวะทางอารมณ์ของเขามากแค่ไหน เพราะ สุนัข ไทยหลังอาน บางตัวก็ขี้เล่น ร่าเริง และเป็นมิตร

           ในเรื่องของสุขภาพ ด้วยความที่ขนสั้น จึงต้องดูแลเรื่องผิวหนังเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะยุงและเห็บหมัด เพราะเป็นพาหะนำโรคชั้นดีที่อาจทำให้ สุนัข ของคุณป่วยเป็นโรคได้ และแม้ว่าขนสั้น อาบน้ำง่าย แห้งเร็ว แต่ก็ไม่ควรอาบบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้ง เนื่องจากขาดน้ำมันที่จำเป็นไป 

โรคและวิธีการป้องกัน

           สุนัข ไทยหลังอาน มักมีปัญหาเป็นโรคพยาธิในเม็ดเลือด ซึ่งมีสาเหตุมาจากเห็บหมัด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยเป็นแบบร้อนชื้น เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเห็บหมัด ทำให้เกิดสภาวะโลหิตจาง ซึ่งสุนัขที่ป่วยด้วยโรคนี้มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการถ่ายเลือดตามที่สัตวแพทย์ระบุ

           สำหรับวิธีป้องกัน คือ ดูแล สุนัข อย่าให้มีเห็บ เพราะเห็บเพียงตัวเดียวที่มีพยาธิเม็ดเลือดสามารถนำมาติดสุนัขได้ทั้งบ้าน ทั้งนี้ โรคพยาธิในเม็ดเลือด สามารถฉีดวัคซีนป้องกันได้ที่คลินิค  แต่หากที่บ้านมีสุนัขหลายตัว อาจติดต่อให้เจ้าหน้าที่มาฉีดให้ที่บ้าน แต่แนะนำให้ดูอัตราส่วนของยาให้สัมพันธ์กับน้ำหนักตัวของสุนัขด้วย เพราะยาค่อนข้างอันตราย

นักวิทยาศาสตร์

ชื่อ:เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)
เชื้อชาติ:ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2185 - 2270
ผลงานที่สำคัญ:ตั้งกฎแรงโน้มถ่วง,ค้นพบทฤษฎีเกี่ยวกับการหักเหของแสง,ตั้งกฎการเคลื่อนที่



ชื่อ:วิลเลียม ฮาร์วีย์ (William Harvey)
เชื้อชาติ:ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง :พ.ศ.2121 - 2200
ผลงานสำคัญ:ค้นพบการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายมนุษย์



ชื่อ:ลาวัวซิเอ (Lavoisier)
เชื้อชาติ:ชาวฝรั่งเศส
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ.2286 - 2337
ผลงานที่สำคัญ:ตั้งทฤษฎีการเผาไหม้,ตั้งกฎทรงมวลของสาร



ชื่อ:อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
เชื้อชาติ:ชาวเยอรมัน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2422 - 2498
ผลงานที่สำคัญ:ตั้งทฤษฎีสัมพันธภาพ ซึ่งนำไปใช้ในการสร้างระเบิดปรมาณู



ชื่อ:จอห์น โลจี แบร์ด (John Logie Baird)
เชื้อชาติ:ชาวสก็อต
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2431 - 2489
ผลงานที่สำคัญ:สร้างโทรทัศน์สำเร็จเป็นคนแรก



ชื่อ:คริสเตียน บาร์นาร์ด (Dr. Christiaan Barnard)
เชื้อชาติ: อายุรแพทย์แห่งแอฟริกาใต้
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2465 - ปัจจุบัน
ผลงานที่สำคัญ:ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจมนุษย์เป็นครั้งแรก



ชื่อ:ลูเธอร์ เบอร์แบงค์ (Luther Burbank)
เชื้อชาติ:ชาวอเมริกัน ( บิดา-เชื้อสาย-สก๊อต มารดา-ฝรั่งเศส-ดัตช์ )
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2392-2469
ผลงานที่สำคัญ:ปรับปรุงพันธุ์พืชแล้วเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุดไว้ทำให้โลกมีพันธุ์พืชใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย



ชื่อ:จอห์น ดอลตัน (John Dalton)
เชื้อชาติ: ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง: พ.ศ. 2309 - 2387
ผลงานที่สำคัญ: ผู้อธิบายสมบัติของก๊าซและคิดสัญลักษณ์ของอะตอม



ชื่อ:วิลเฮลม์ คอนราด เรินต์แกน (Wilhelm konrad Rontgen)
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2388-2466
ผลงานที่สำคัญ:ค้นพบรังสีเอ็กซ์



ชื่อ:เซอร์ วิลเลียม เฮนรี เพอร์กิน (Sir William Henry Perkin)
เชื้อชาติ:ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง: พ.ศ. 2381 - 2450
ผลงานที่สำคัญ:ผลิตสีสังเคราะห์ได้คนแรก



ชื่อ:เอวันเยลิสตา ตอร์รีเซลลี (Evangelista Torricelli)
เชื้อชาติ:ชาวอิตาเลียน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2151 - 2190
ผลงานที่สำคัญ:สร้างบารอมิเตอร์ สำหรับวัดความกดดันของอากาศ



ชื่อ:โรเบิร์ต บอยล์ (Robert Boyle)
เชื้อชาติ:ชาวไอริช
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2170 - 2234
ผลงานที่สำคัญ:บิดาแห่งวิชาเคมี ผู้ศึกษาเรื่องความดัน และปริมาตรของก๊าซ



ชื่อ:จอห์น เรย์ (John Ray)
เชื้อชาติ: ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2170 - 2248
ผลงานที่สำคัญ:บิดาแห่งวิชาพฤกษศาสตร์ ผู้ริเริ่มงานด้านชีววิทยา จำแนกพืชพันธุ์ต่างๆไว้เป็นหมวดหมู่ และตั้งชื่อไว้ด้วย


ชื่อ:แซมมวล ฟินเลย์ บริส มอร์ส (Samuel Finley Breese Morse)
เชื้อชาติ: ชาวอเมริกัน
มีชีวิตในช่วง: พ.ศ. 2334-2415
ผลงานที่สำคัญ:สร้างโทรเลขแบบแม่เหล็กเป็นคนแรกคิดรหัสของมอร์ส มีลักษณะเป็นจุดและขีดแทนเครื่องหมายและอักษรต่างๆ

ชื่อ:เอนริโค เฟร์มี (Enrico Fermi)
เชื้อชาติ:ชาวอิตาเลียน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2444 - 2497
ผลงานที่สำคัญ: สร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์

ชื่อ:ทอมัส ดาเวนพอร์ต (Thomas Davenport)
เชื้อชาติ:ชาวอเมริกัน
มีชีวิตในช่วง: พ.ศ. 2345 - 2394
ผลงานที่สำคัญ:สร้างมอเตอร์ไฟฟ้า

ชื่อ:ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin)
เชื้อชาติ:ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง: พ.ศ. 2352 - 2425
ผลงานที่สำคัญ:ผู้ตั้งทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

ชื่อ:จอร์ช กูวีเย (Georges Cuvier)
เชื้อชาติ:ชาวฝรั่งเศส
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2312 - 2375
ผลงานที่สำคัญ:เป็นคนแรกที่จำแนกพวกสัตว์ตามระบบธรรมชาติ

ชื่อ:นิโคเลาส์ โคเพอร์นิคัส (Nicolaus Corpernicus)
เชื้อชาติ:ชาวโปแลนด์ - ปรัสเซีย
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2016 - 2086
ผลงานที่สำคัญ:เป็นคนแรกที่เสนอว่า ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะ

ชื่อ:กาบริเอล ดานิเอล ฟาเรนไฮต์ (Gabriel Daniel Fahrenheit)
เชื้อชาติ:ชาวเยอรมัน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2229 - 2279
ผลงานที่สำคัญ:คิดมาตราอุณหภูมิองศาฟาเรนไฮต์

ชื่อ:อันเดอส์ เซลซิอัส (Anders Celsius)
เชื้อชาติ:ชาวสวีเดน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2244 - 2287
ผลงานที่สำคัญคิดมาตราอุณหภูมิองศาเซลเซียส

ชื่อ:อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง (Alexander Fleming)
เชื้อชาติ:ชาวสก็อต
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2424 - 2498
ผลงานที่สำคัญ:ค้นพบยาปฏิชีวนะ ชื่อ " เพนนิซิลลิน" เป็นคนแรก

ชื่อ:เบนจามิน แฟรงคลิน(Benjamin Franklin)
เชื้อชาติ:ชาวอเมริกัน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2249 - 2333
ผลงานที่สำคัญ:ประดิษฐ์สายล่อฟ้าค้นพบประจุไฟฟ้าในบรรยากาศ

ชื่อ:เฮนรี ฟอร์ด (Henny Ford)
เชื้อชาติ:ชาวอเมริกัน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ 2406 - 2490
ผลงานที่สำคัญ:ประดิษฐ์รถยนต์รุ่นแรก ชื่อ รถยนต์ ฟอร์ด

ชื่อ:ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน(Charles Robert Darwin)
เชื้อชาติ:ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2352 - 2425
ผลงานที่สำคัญ:ตั้งทฤษฎีวิวัฒนาการ

ชื่อ:เจมส์ วัตต์ (James Watt)
เชื้อชาติ:ชาวสก็อต
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2279 - 2362
ผลงานที่สำคัญ:สร้างเครื่องจักรไอน้ำสำเร็จเป็นคนแรก

ชื่อ:นีล เอ อาร์มสตรอง (Neil A. Armstrong)
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ.2473 - ปัจจุบัน
ผลงานที่สำคัญ: ขึ้นยานอะพอลโล 11 ไปเหยียบผิวดวงจันทร์เป็นคนแรกของโลก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2512

ชื่อ:ลอร์ดเคลวิน หรือ วิลเลียม ทอมสัน(Lord Kelvin or William Thomson)
เชื้อชาติ:ชาวสก็อต
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2367 - 2450
ผลงานที่สำคัญ:เสนอให้ใช้อุณหภูมิ - 273 องศาเซลเซียส เรียกว่า องศาสัมบูรณ์ ปัจจุบันเราเรียกองศาเคลวิน (K) ( ค่าที่ใช้ในปัจจุบันนี้คือ 0 องศาเคลวิน = -273.16 องศาเซลเซียส หรือ -459.69 องศาฟาเรนไฮต์)
เสนอทฤษฎีไดนามิกของความร้อน
สร้างเครื่องวัดแบบกระจกเงา สามารถวางสายเคเบิลใต้น้ำได้สำเร็จ
ประดิษฐ์เข็มทิศ
สร้างเครื่องวัดระดับความลึกของท้องทะเล

ชื่อ:โรเบิร์ต ฮัทชิงส์ ก็อดดาร์ด(Robert Hutchings Goddaed)
เชื้อชาติ:ชาวอเมริกัน
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2425 - 2488
ผลงานที่สำคัญ:เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์จรวด

ชื่อ:กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
เชื้อชาติ:ชาวอิตาลี
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2107-2185
ผลงานที่สำคัญ:ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ดูดาว
ประดิษฐ์นาฬิกาลูกตุ้ม
ตั้งกฎเพนดูลัม หรือกฎแห่งการแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกา
พบดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสบดี 4 ดวง
พบจุดดับบนดวงอาทิตย์
พบวงแหวนของดาวเสาร์
พบภูเขาบนดวงจันทร์
สร้างเทอร์มอมิเตอร์

ชื่อ:ไมเคิล ฟาราเดย์ (Micheal Faraday)
เชื้อชาติ:ชาวอังกฤษ
มีชีวิตในช่วง:พ.ศ. 2334-2410
ผลงานที่สำคัญ:พบว่าอำนาจแม่เหล็กเหนื่ยวนำทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าได้สร้างเครื่องไดนาโม

ยานอวกาศ

กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี หนึ่งในยานอวกาศที่ใช้ปฏิบัติการเหนือพื้นโลก
ยานอวกาศ คือพาหนะหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ทำงานในอวกาศเหนือผิวโลก ยานอวกาศนี้อาจเป็นได้ทั้งแบบมีคนบังคับหรือแบบไม่มีคนบังคับก็ได้ สำหรับภารกิจของยานอวกาศนี้จะมีทั้ง การสื่อสารทั่วไป, การสำรวจโลก, การทำเส้นทาง เป็นต้น บางทีคำว่ายานอวกาศนี้ยังใช้เรียกอธิบาย ดาวเทียม ได้ด้วยเช่นกัน

เนื้อหา

 [ซ่อน

[แก้] ภาพรวม

ระบบการทำงานของยานอวกาศประกอบไปด้วยระบบย่อยต่างๆมากมาย เช่นระบบกำหนดและควบคุมตัวยาน (Attitude Determination and Control: ADAC หรือ ACS), ระบบควบคุมการนำร่องและนำทาง (Guidance,Navigation and Control: GNC หรือ GN&C), ระบบการสื่อสาร (Communication: COMS), ระบบจัดการข้อมูลและคำสั่ง (Command and Data Handling: CDH หรือ C&DH), ระบบพลังงาน (EPS), ระบบควบคุมอุณหภูมิ (Thermal Control: TCS), ระบบการขับเคลื่อน (Propulsion), โครงสร้างและระบบบรรทุกสิ่งของ (Payload)
ถ้าหากว่าเป็นยานอวกาศประเภทใช้คนบังคับแล้วอาจจะต้องเพิ่มปัจจัยยังชีพต่างๆให้กับลูกเรือด้วย

[แก้] ระบบย่อยต่างๆของยานอวกาศ

[แก้] ระบบกำหนดและควบคุมตัวยาน

ยานอวกาศต้องการระบบนี้เพื่อให้ทำงานในอวกาศได้โดยเกี่ยวข้องและตอบสนองกับปัจจัยภายนอกยาน ระบบนี้ประกอบไปด้วย เซ็นเซอร์ และตัวบังคับ ซึ่งทำงานร่วมกันโดยใช้โปรแกรมควบคุมอีกทีหนึ่ง ระบบกำหนดและควบคุมหลักๆ ใช้เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์การทำงานทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม เช่น แผงรับแสงอาทิตย์จะหันไปทางดวงอาทิตย์อัตโนมัติ หรือ การหันหน้าไปทางโลกเมื่อมีการทำงานเกี่ยวกับการสื่อสาร เป็นต้น

[แก้] ระบบควบคุมการนำร่องและนำทาง

[แก้] ระบบการสื่อสาร

ระบบนี้เป็นส่วนที่เชื่อมต่อการสื่อสารข้อมูลต่างๆระหว่างยานอวกาศ กับพื้นโลก หรือระหว่างยานอวกาศกับยานอวกาศด้วยกันเอง
จรวด Proton Rocket นี้ถูกปล่อยเพื่อนำยานอวกาศหรือดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรของโลก

[แก้] ระบบจัดการข้อมูลและคำสั่ง

คำสั่งต่างๆ ที่ได้รับมาจากระบบการสื่อสารจะถูกนำมาที่ระบบนี้ เพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้อง,แปลความหมายของคำสั่ง และส่งคำสั่งเหล่านี้ไปยังระบบย่อยอื่นๆของยานอวกาศ ระบบนี้ยังใช้รวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่ได้จากระบบย่อยอื่นๆของยานอวกาศ ส่งกลับไปยังพื้นโลกผ่านทางระบบการสื่อสารอีกด้วย ส่วนหน้าที่อื่นๆ ของระบบนี้ เช่น คอยตรวจสอบดูแลสถานะของยานอวกาศ

[แก้] ระบบพลังงาน

การขับเคลื่อนตัวยานอวกาศจะเริ่มใช้พลังงานตั้งแต่ออกตัวจากพื้นโลก สู่ชั้นบรรยากาศ จนถึงการทำงานนอกโลก โดยระบบนี้มีหน้าที่ในการควบคุมดูแลระดับพลังงานให้เป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด และนำพลังงานบางส่วนกลับมาใช้ใหม่ด้วย (reusable)

[แก้] ระบบควบคุมอุณหภูมิ

ปกติแล้วยานอวกาศจะต้องมีการปรับแต่งให้สามารถคงอยู่ในสภาวะต่างๆได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสภาวะที่ชั้นบรรยากาศของโลก หรือในอวกาศก็ตาม ยานอวกาศนี้ยังต้องทำงานในสภาวะสุญญากาศซะเป็นส่วนมากและต้องเผชิญกับอุณหภูมิหลายระดับขึ้นอยู่กับภารกิจ ซึ่งอาจจะเป็นการสำรวจพื้นผิวของดาวเคราะห์อื่นๆ ดังนั้น ระบบนี้จึงมีความจำเป็นต่อยานอวกาศมากที่จะคอยดูแลสภาวะอุณหภูมิของยานให้เป็นไปอย่างปกติตลอดการดำเนินงาน

ยานอวกาศอาจจะมีหรือไม่มีระบบการขับเคลื่อนนี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิง, ถังเก็บเชื้อเพลิง, ท่อเปิดปิด (valves), ท่อส่ง เปน

[แก้] โครงสร้าง

สำหรับโครงสร้างของยานอวกาศนี้จะต้องมีการปรับแต่งให้คงทนต่อการบรรทุกของต่างๆ รวมถึงเครื่องมือของระบบต่างๆด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับภารกิจของยานอวกาศเองว่าจะกำหนดโครงสร้างอย่างไร

[แก้] ระบบบรรทุก

การบรรทุกอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ นี้ก็ขึ้นอยู่กับภารกิจของยานอวกาศ โดยปกติแล้วยานจะบรรทุกพวก เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ (กล้อง,กล้องดูดาว หรือ เครื่องมือตรวจจับ), คลังสินค้า หรือมนุษย์อวกาศ

งานประดิษฐ์



      สารพัดความรู้เรื่องงานประดิษฐ์ ของกิ๊บเก๋และหลากหลายงานฝีมือ ความรู้การประยุกต์สิ่งของรอบตัวทำให้เกิดเป็นงานฝีมือที่มีมีค่า นำเสนองานอดิเรกที่น่าสนใจ และในบางครั้งงานประดิษฐ์ประดอยและงานฝีมือต่างๆ ไม่ว่าคุณจะชอบทำเป็นงานอดิเรกยามว่างอยู่แล้ว กำลังมองหาวิธีงานฝีมือ วิธีการทำงานประดิษฐ์ประดอยต่างๆ เพื่อประดิษฐ์เป็นของขวัญ ทำเป็นอาชีพเสริม ทำเป็นร้านค้าเป็นธุรกิจส่งออก อย่างไรก็ตามในบางครั้งนั้นงานอดิเรกแล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ของคุณมันสามารถที่กลายเป็น อาชีพเสริมทำเงินให้กับคุณ กลายเป็นแหล่งรายได้พิเศษหรือเป็นการสร้างรายได้เสริมเพิ่มเติมของคุณมาเรียนรู้เรื่องงานประดิษฐ์ และงานฝีมือเล็กๆน้อยๆ กับเรา ทีมงาน อาชีพเสริมทำเงิน.com

งานประดิษฐ์ งานฝีมือ

#
บทความ

  สวัสดีครับ สำหรับท่านที่สนใจทำงาน ฝีมือ หรือ งานประดิษฐ์ ไม่ว่าจะเป็น เทียนหอม เทียนเจล กระดาษ สบู่ ดินญี่ปุ่น และอีกมากมาย เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปชม ได้ที่ด้านล่างครับ สำหรับ งาน ครอสติส คริสตัล งานฝีมือ ประเภทอื่น ๆ เ...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

รวมงานฝีมือ หลากหลายประเภท เชิญเข้าไปหาความรู้กันได้ ไม่ว่าจะเป็น เทียนเจล เทียนหอม ดอกไม้ดิน


  สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ ท่านเข้าสู่ เว็บ www.Freehandmades.com  วันนี้ เรา มาชม วิธี ร้อยลูกปัด กันเลยครับ เป็น ลายเกลียว จาก คุณฟะ ซากุระ คนดังเหมือนเดิมครับ     เนื่องจากเราไม่ชอบใช้ตัวปิดปม เพราะเปลือง!! ถ้าการร้...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

วิธี ร้อยลูกปัด ลายเกลียว


  ร้านของเรา ร้านโพธิ์ทอง ออกรายการเสียงประชาชน ช่อง 9 ประมวลรูปถ่าย                                ...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

ร้านงานฝีมือ โพธิ์ทอง ออกรายการเสียงประชาชน ช่อง 9


งานฝีมือ ดอกไม้บานบนโต๊ะเครื่องแป้ง  ตอนที่  1 เตรียมวัสดุ  วิธีการทำ  งานฝีมือ  ดอกไม้บานบนโต๊ะ 1.แผ่นเฟรมขนาดใหญ่  34*58 ซม. สีขาวใส จำนวน  1  แผ่น 2.แผ่นเฟรมวงกลม  ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7.5 ซม. สีขาวใ...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

งานฝีมือ ดอกไม้บานบนโต๊ะเครื่องแป้ง ตอนที่ 1


งานฝีมือ  ดอกไม้บานบนโต๊ะเครื่องแป้ง  ตอนที่  2 ขนาดสำเร็จ     กระถางเสียบโน้ต กว้าง   =   7.5  ซม. ยาว     =    7.5  ซม. สูง    ...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

งานฝีมือ ดอกไม้บานบนโต๊ะเครื่องแป้ง ตอนที่ 2


งานฝีมือ  ถักโครเชต์ ผ้าปูโต๊ะเถากุหลาบ  ตอนที่  1 เตรียมวัสดุ  วิธีการทำ งานประดิษฐ์ โครเชต์  ผ้าปูโต๊ะเถากุหลาบ 1.ด้าย  Summer Venus เบอร์  16  ขนาดบรรจุกลุ่มละ  100  กรัม  สีเ...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

งานฝีมือ ถักโครเชต์ ผ้าปูโต๊ะเถากุหลาบ ตอนที่ 1


งานฝีมือ  ถักโครเชต์ ผ้าปูโต๊ะเถากุหลาบ  ตอนที่  2 วิธีการ  ถักโครเชต์ งานฝีมือ ผ้าปูโต๊ะเถากุหลาบ แถวที่ 2-3    ถักเหมือนแถวที่ 1 แถวที่ 4-152  ถักช่องโปร่ง-ช่องทึบตามผังลาย   ...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

งานฝีมือ ถักโครเชต์ ผ้าปูโต๊ะเถากุหลาบ ตอนที่ 2


งานประดิษฐ์ สมุดโน้ตทำมือ  ตอนที่ 1 เตรียมวัสดุ วิธีการทำ งานประดิษฐ์ สมุดโน้ต  รูปแตงโม 1.กระดาษสาอย่างหนาสีต่างๆ 2.เชือกกระดาษสา 3.ปากกาเมจิสีต่างๆ 4.ที่เจาะรูกระดาษ 5.ลูกตากลิ้ง 6.ตัวหนีบ 7.กรรไกร ...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

งานประดิษฐ์ สมุดโน้ตทำมือ ตอนที่ 1


งานประดิษฐ์  สมุดโน้ตทำมือ   ตอนที่ 2 วิธีการทำ สมุดโน้ต รูปแตงโม 1.นำกระดาษสา สีแดง สีเขียว ที่ทำ งานประดิษฐ์  มาตัดเป็นครึ่งวงกลม สีละ 1 แผ่น แล้วนำกระดาษสาสีเขียวมาตัดส่วนตรงกลางออก จากนั้นนำกระดาษสาสีเขียวมาทากาวติดก...
Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

งานประดิษฐ์ สมุดโน้ตทำมือ ตอนที่ 2

                          
งานประดิษฐ์  สมุดโน้ตทำมือ  ตอนที่ 3 วิธีการทำ งานฝีมือ สมุดโน้ต  Happy New Year 1.ตัดกระดาษสา สีเขียว ที่ทำ งานประดิษฐ์  มาตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากับ A4 และพับทบครึ่งตามขวางแล้วพับทบด้านขวาและด้านล่างให้เ...
                                                                  Tags : รายได้เสริม งานประดิษฐ์ งานฝีมือ รายได้พิเศษ    

งานประดิษฐ์ สมุดโน้ตทำมือ ตอนที่ 3


อาหารหลัก5หมู่

อาหารหลัก 5 หมู่...คุณรู้ดีแค่ไหน


อาหารหลัก 5 หมู่...คุณรู้ดีแค่ไหน (สสส.)

          มีแรงจูงใจ 2 ประการที่จำเป็นจะต้องนำอาหารหลัก 5 หมู่ มาทบทวนตอกย้ำ ทั้งที่ทราบดีว่าคนไทยส่วนมากรู้จักมักคุ้นอยู่แล้ว แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่พอพูดถึงอาหารหลัก 5 หมู่ มักจะบอกเป็นสารอาหาร 5 ชนิด แทนการบอกชนิดของอาหาร ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญมากนัก แต่อยากจะให้คนไทยได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน

          อีกประการหนึ่ง อาจจะดูเป็นเรื่องตลกแต่สะท้อนใจให้เห็นอะไรบางอย่าง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว

          ที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งมีนักวิชาการไปสอนใช้ชาวบ้าน กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อธิบายอย่างยืดยาวแล้วบอกชาวบ้านว่า เดือนหน้าจะมาเพื่อติดตามดูว่า ชาวบ้านกินครบ 5 หมู่หรือไม่ พอครบหนึ่งเดือนนักวิชาการกลับมายังหมู่บ้านแห่งนั้น เริ่มด้วยการถามคุณยายคำ อายุ 70 ปี ว่ากินอาหารครบ 5 หมู่ไหม ยายคำตอบชัดถ้อยชัดคำว่าเพิ่งกินได้แค่ 5 หมู่เอง หมู่ที่ 5 ยังไม่ได้กิน นักวิชาการถามกลับไปว่าเพราะเหตุใด ยายคำตะโกนก้องว่าหมู่ 5 อยู่ไกลมากเดินไปกินไม่ไหวยายคำคิดว่านักวิชาการบอกให้กินเป็นรายหมู่บ้าน เรื่องนี้น่าจะเกิดการผิดพลาดแน่นอน หากนักวิชาการมีวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับชาวบ้าน

          ส่วนความสับสนระหว่างการเรียกชื่ออาหารให้ครบ 5 หมู่ กับเรียกสารอาหาร 5 ชนิด แทนนั้นจะขอทบทวนให้เข้าใจตรงกันดังนี้

          หมู่ที่ 1 เรียกว่า นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้ง และงานให้สารอาหารโปรตีน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

         
          หมู่ที่ 2 เรียกว่า ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย

         
          หมู่ที่ 3 เรียกว่า พืชผักต่างๆ ให้สารอาหารวิตามินและแร่ธาตุเพื่อเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้ปกติ

         
          หมู่ที่ 4 เรียกว่า ผลไม้ต่างๆ ให้สารอาหารและประโยชน์เหมือนหมู่ที่ 3

         
          หมู่ที่ 5 เรียกว่า น้ำมันและไขมันจากพืชและสัตว์ ให้สารอาหารไขมันเพื่อให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย

          ต่อไปนี้เราไม่ควรเรียก อาหารหมู่ 1 โปรตีน หมู่ 2 คาร์โบไฮเดรต หมู่ 3 วิตามิน หมู่ 4 แร่ธาตุ หมู่ 5 ไขมัน อีกต่อไปแล้ว ควรเรียกชื่ออาหารแทน

          เหตุผลที่กำหนดอาหารหลัก 5 หมู่ขึ้นก็เพื่อที่จะให้คนไทยกินอาหารให้ได้สารอาหาร ครบ 5 ชนิด โดยนำเอาอาหารที่มีสารอาหารเหมือนกันมาไว้ในหมู่เดียวกัน แต่ร่างกายของคนเราต้องการสารอาหารให้ครบทั้ง 5 ชนิดในแต่ละวัน ดังนั้น เราจึงต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ทุกวัน เพราะไม่มีอาหารชนิดในชนิดหนึ่งที่จะให้สารอาหารครบทั้ง 5 ชนิด

ประเทศอาเชียน

ประเทศอาเซียน

เชื่อว่าชื่อนี้หลายท่านที่ชอบดูข่าวเศรษฐกิจคงเคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ประเทศอาเซียน” ในฐานะที่ประเทศไทยของเราเป็นหนึ่งในสมาชิกของประเทศอาเซียน เราก็ควรทราบถึงที่มา และความสำคัญของการเป็นสมาชิกใน ประเทศอาเซียนกันไว้บ้าง
ประเทศอาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจในประเทศก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเมื่อมีการรวมตัวกันแล้ว จะทำให้มีอำนาจในการต่อรองทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
โดยประเทศอาเซียนมีสำนักงานศูนย์กลางอยู่ที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนิเซีย
สัญลักษณ์ของประเทศอาเซียน คือ รูปรวงข้าว สีเหลืองบนพื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลม สีขาวและสีน้ำเงิน
รวงข้าว 10 ต้น หมายถึง ประเทศสมาชิก 10 ประเทศที่รวมกันเพื่อมิตรภาพ

สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์
สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
อาเซียน เริ่มก่อตั้งครั้งแรกนั้น มีสมาชิกเพียง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย,มาเลเซีย,ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย
ปัจจุบัน ประเทศอาเซียน มีสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่

1.บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)
ประเทศบรูไน มีชื่อเป็นทางการว่า “เนการาบรูไนดารุสซาลาม” มีเมือง “บันดาร์เสรีเบกาวัน” เป็น เมืองหลวง ถือเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีประชากร 381,371 คน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรเกือบ 70% นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ

2.ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)
เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทย มีประชากร 14 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรกว่า 80% อาศัยอยู่ในชนบท 95% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาราชการ แต่ก็มีหลายคนที่พูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเวียดนามได้

3.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)
เมืองหลวงคือ จาการ์ตา ถือเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ 1,919,440 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากถึง 240 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) โดย 61% อาศัยอยู่บนเกาะชวา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษา Bahasa Indonesia เป็นภาษาราชการ

4.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) (The Lao People’s Democratic Republic of Lao PDR)
เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์ ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก โดยประเทศลาวมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย คือ 236,800 ตารางกิโลเมตร พื้นที่กว่า 90% เป็นภูเขาและที่ราบสูง และไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดทะเล ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม โดยมีประชากร 6.4 ล้านคน ใช้ภาษาลาวเป็นภาษาหลัก แต่ก็มีคนที่พูดภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ

5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)
เมืองหลวงคือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร แบ่งเป็นมาเลเซียตะวันตกบคาบสมุทรมลายู และมาเลเซียตะวันออก ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ทั้งประเทศมีพื้นที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 26.24 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ใช้ภาษา Bahasa Melayu เป็นภาษาราชการ

6.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)
เมืองหลวงคือ กรุงมะนิลา ประกอบด้วยเกาะขนาดต่าง ๆ รวม 7,107 เกาะ โดยมีพื้นที่ดิน 298.170 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 92 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอันดับ 4 ของโลก มีการใช้ภาษาในประเทศมากถึง 170 ภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาตากาลอก เป็นภาษาราชการ

7.สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore)
เมืองหลวงคือ กรุงสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางเรือของอาเซียน จึงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในย่านนี้ แม้จะมีพื้นที่ราว 699 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประชากร 4.48 ล้านคน ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ แต่มีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ ปัจจุบันใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)

8.ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)
เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 513,115.02 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 77 จังหวัด มีประชากร 65.4 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขของประเทศ

9.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam)
เมืองหลวงคือ กรุงฮานอย มีพื้นที่ 331,689 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจถึงเมื่อปี พ.ศ.2553 มีประชากรประมาณ 88 ล้านคน ประมาณ 25% อาศัยอยู่ในเขตเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

10.สหภาพพม่า (Union of Myanmar)
มีเมืองหลวงคือ เนปิดอว ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันออก โดยทั้งประเทศมีพื้นที่ประมาณ 678,500 ตารางกิโลเมตร ประชากร 48 ล้านคน กว่า 90% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท หรือหินยาน และใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อาเซียนได้วางกรอบความร่วมมือ เพื่อสร้างความเข็มแข็ง รวมถึงความมั่นคงของประเทศสมาชิกทั้งด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และในปี พ.ศ. 2558 อาเซียนได้วางแนวทางก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ภายใต้คำขวัญคือ “หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม” (One Vision, One Identity, One Community)
โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประชาคม คือ
  1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน(ASEAN Political Security Community : APSC)
  2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC)
  3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC)
โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งประชาคมอาเซียนประกอบด้วยเสาหลัก 3 เสา ดังต่อไปนี้
1.) ประชาคม การเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Security Community – ASC) มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้ง ระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพอย่างรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูป แบบใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง
2.) ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนในประเทศอาเซียน โดย
- มุ่งให้เกิดการไหลเวียนอย่างเสรีของ สินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการลดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมภายในปี 2020
- ทําให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (single market and production base)
- ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียนเพื่อลดช่องว่างการพัฒนาและ ช่วยให้ประเทศเหล่านี้เข้าร่วมกระบวนการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน
- ส่งเสริมความร่วมมือในนโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาคตลาดการเงินและตลาดทุน การปะกันภัยและภาษีอากร การพัฒนาโครงสร้างพิ้นฐานและการคมนาคม พัฒนาความร่วมมือด้านกฎหมาย การเกษตร พลังงาน การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการยกระดับการศึกษาและการพัฒนาฝีมือแรงงาน
- กลุ่มสินค้าและบริการนำร่องที่สำคัญ ที่จะเกิดการรวมกลุ่มกัน คือ สินค้าเกษตร / สินค้าประมง / ผลิตภัณฑ์ไม้ / ผลิตภัณฑ์ยาง / สิ่งทอ / ยานยนต์ /อิเล็กทรอนิกส์ / เทคโนโลยีสารสนเทศ (e-ASEAN) / การบริการด้านสุขภาพ, ท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน) กำหนดให้ปี พ.ศ. 2558 เป็นปีที่เริ่มรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยผ่อนปรนให้กับประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียตนาม สำหรับประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ทำ Roadmap ทางด้านท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน)
3.)ประชาคม สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) เพื่อให้ประชาชนแต่ละประเทศอาเซียนอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้อ อาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม
สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนนั้น ประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้นำในการก่อตั้งสมาคมอาเซียน มีศักยภาพในการเป็นแกนนำในการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง จึงได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาอาเซียน โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการศึกษา ซึ่งจัดอยู่ในประชาคมสังคมและวัฒนธรรม ที่จะมีบทบาทสำคัญที่จะส่งเสริมให้ประชาคมด้านอื่น ๆ ให้มีความเข้มแข็ง เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน และจะมีการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาเซียนศึกษา เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนด้วยการศึกษา ด้วยการสร้างความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียน ความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศเพื่อพัฒนาการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกันในประชาคมอาเซียน